วันนี้คนไทยคงงงกันทั้งประเทศ รัฐบาลควักเงินภาษี 10,000 ล้านบาท แจกประชาชน 10 ล้านคน คนละ 1,000 ให้ไปเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แถมควักเงินอีกก้อนจ่ายแคชแบ็กให้อีก 15% ถ้าใช้จ่ายเกิน 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน อีกด้านหนึ่ง แบงก์ชาติ ออกหลักเกณฑ์ ขอไม่ให้ธนาคารและสถาบันการเงินทำโปรโมชันผ่อน 0% กลัวคนเป็นหนี้เพิ่ม

ถ้าห้ามผ่อน 0% คงส่งผลกระทบทั้ง ธุรกิจบัตรเครดิต และ การค้าทั้งระบบ แน่นอน

ความจริง หนี้คงค้างบัตรเครดิต (ที่ไม่ใช่หนี้เสีย) มีเพียง 4 แสนล้านบาท คิดเป็น 3% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด 13 ล้านล้านบาท เป็นสัดส่วนน้อยมาก คุณโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ชมรมบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย ซึ่งมี คุณฐากร ปิยะพันธ์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรีคอนซูมเมอร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นประธาน มีแผนจะเข้าไปหารือทำความเข้าใจกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนและเข้าใจตรงกัน เพราะมองว่า การผ่อน 0% ไม่ได้เร่งให้เกิดหนี้เสียมากขึ้น แต่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค

คุณโชค ให้รายละเอียดว่า ปกติการผ่อนสินค้ามีอยู่ 2 รูปแบบ คือ

1.กรณีผู้ขายสินค้านำส่วนลดสินค้า 10–15% มาเป็นส่วนลดดอกเบี้ยที่ลูกค้าต้องจ่ายให้ธนาคาร หากมีการผ่อนชำระสินค้า หากไม่มีการทำโปรโมชันผ่อน 0% ผู้ขายจะนำส่วนลด 10–15% ไปลดราคาให้ผู้บริโภคโดยตรง

2.กรณีลูกค้าซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง อาจมีการขอผ่อนชำระสินค้ากับธนาคารเฉพาะรายสินค้า ซึ่งจะไม่ได้ดอกเบี้ย 0% แต่จะได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าปกติเฉลี่ย 1.5%

...

เรื่องผ่อน 0% ผมก็มีประสบการณ์ตรง ไปเปลี่ยนยางรถยนต์ 4 เส้น ทางร้านขอให้ใช้โปรแกรมผ่อน 0% 6 เดือนผ่านบัตรเครดิต แล้วจะได้ส่วนลดเพิ่มอีก แต่ถ้าจ่ายทั้งหมดจะไม่ได้ส่วนลดเพิ่ม ผมก็เลือกผ่อน 0% ถือว่าได้กำไรสองต่อ และแน่นอนว่าข้อเสนอโปรโมชันแบบนี้ ร้านค้าไม่ได้ขาดทุน แบงก์ไม่ขาดทุน ผู้ซื้อได้กำไร แฮปปี้กันทั้ง 3 ฝ่าย

คุณฐากร ปิยะพันธ์ ในฐานะ ประธานชมรมบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย ก็อธิบายถึง โปรโมชันผ่อน 0% ว่า เป็นเรื่องของกลยุทธ์การตลาด ซึ่งใช้กับคนทุกระดับไม่เฉพาะกลุ่มคนรายได้น้อย ปัจจุบันธุรกิจขายสินค้ามีโปรแกรมผ่อนเป็นตัวช่วยสร้างยอดขาย 40–50% หากให้หยุดผ่อน 0% ก็จะกระทบธุรกิจและเศรษฐกิจในภาพรวม

“ถามว่าผ่อน 0% มีผลกระทบบ้างหรือเปล่า ผมว่าก็อาจจะมีบ้าง แต่คงไม่ถึงขั้นจำเป็นต้องหยุด ห้ามทุกคนใช้ เพราะเป็นเรื่องการตลาด แล้วถ้าหยุดจริงๆ ธุรกิจที่ขายสินค้านั่นแหละที่จะได้รับผลกระทบมากกว่า”

อย่างกรณีโปรผ่อนโทรศัพท์มือถือ 0% คุณฐากร มองว่า โทรศัพท์มือถือไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย ทุกคนต้องใช้ แทบจะกลายเป็นการใช้ชีวิตของคนไปแล้ว ส่วนกรณีผ่อน 0% เที่ยวต่างประเทศ ไม่ปฏิเสธว่ามีผู้ทำโปรนี้อยู่ แต่อยากย้ำว่า ไม่ว่าผู้ผ่อนจะมีรายได้ 50,000 บาท หรือ 1 แสนบาท หากมีโปรแกรมผ่อนก็จะเลือกผ่อนกันเกือบทั้งสิ้น แม้ว่าจะสามารถซื้อเงินสดได้ก็ตาม เพราะผ่อนแล้วไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ยิ่งคนมีรายได้เยอะ เขาก็ดูว่าทำไมต้องจ่ายทีเดียว 5 หมื่นบาท จ่ายงวดละ 1 หมื่นบาท เงินที่เหลือเอาไปลงทุนหรือฝากกินดอกเบี้ยก็ได้

ทุกวันนี้ ผู้ถือบัตรเครดิตก็ถูกจำกัดวงเงินอยู่แล้ว เช่น กลุ่มมีรายได้เดือนละ 1.5–3 หมื่นบาท ได้วงเงิน 1.5 เท่า กลุ่มมีรายได้เดือนละ 3–5 หมื่นบาท ได้วงเงิน 3 เท่า กลุ่มมีรายได้เดือนละ 5 หมื่นบาทขึ้นไป ได้วงเงิน 5 เท่า จากเดิมที่ได้ 5 เท่าทุกกลุ่ม

ผมใช้บัตรเครดิตมาตั้งแต่สมัย ผู้สมัครต้องมีสมาชิกบัตรรับรองสองคน จึงจะได้รับการพิจารณา อยากเรียนว่า บัตรเครดิต มีประโยชน์จริงๆ ถ้ามีการใช้บัตรเครดิตอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผู้ถือบัตรมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และที่สำคัญ ในยามเจ็บป่วย บัตรเครดิตถือเป็น บัตรช่วยชีวิต ได้เป็นอย่างดี สรุปแล้ว มีข้อดี มากกว่า ข้อเสีย ครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”