หยิบหนังสือพิมพ์ทุกฉบับวันนี้ขึ้นมาอ่านจะเจอแต่พาดหัวใหญ่ ว่าประเทศเรากำลังมีการ “แบ่งสมบัติ” ทางการเมืองกันอย่างโกลาหล หลังจากรู้ตัวเรียบร้อยแล้วว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคนี้จะเอากระทรวงนั้น พรรคนั้นจะเอากระทรวงโน้น กระทรวงนี้ ฉันไม่ยอมให้ กระทรวงนั้นต้องเอาคืนมาอุตลุดไปหมด
ซึ่งถ้านำมาเปรียบเทียบกับระดับเสียงของมนุษย์โดยทั่วไป พาดหัวใหญ่ขนาดนี้จะเท่ากับเสียงตะโกนกึกก้องที่ฟังใกล้ๆแล้วอาจจะทำให้เยื่อหูสั่นสะเทือนได้
ด้วยเหตุนี้ในทัศนะของคนอ่านหนังสือพิมพ์ การแบ่งสมบัติทางการเมืองวันนี้ จึงมีเสียงค่อนข้างดัง โฉ่งฉ่าง โช้งเช้ง ระคนเสียงตะโกนโหวกเหวก จนแสบแก้วหู เหมือนคนกำลังยื้อแย่งสมบัติกัน
จริงๆแล้วทฤษฎีการแบ่งสมบัติของมนุษย์นั้นมีหลายรูปแบบ เท่าที่ผมพอจะนึกออกและจำได้มีดังต่อไปนี้ครับ
แบบสุภาพเป็นธรรมอันเป็นที่นิยมใช้ในการแบ่งสมบัติทั่วโลกนี้ก็คือ ระบบ “หุ้นส่วน” หรือการมีส่วนในสมบัติที่จะนำมาแบ่งแต่ละชิ้น
ใครมีหุ้นมาก หรือมีส่วนในการทำการผลิต การขายหรือการได้มาในสมบัติชิ้นนั้น มากที่สุดก็จะได้ส่วนแบ่งมากกว่าเพื่อน ใครที่มีส่วนรองลงมาก็จะได้ส่วนแบ่งที่น้อยลงเป็นลำดับไป
ทฤษฎีนี้เป็นที่นิยมใช้อย่างกว้างขวางในประเทศ ทุนนิยม ทุกประเทศ โดยเฉพาะในการแบ่งเงินปันผลหุ้นไม่ว่าจะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หรือนอกตลาดหลักทรัพย์ทุกๆบริษัทจะใช้หลักการเดียวกัน ใครมีหุ้นมากก็ได้เงินปันผลมากเป็นเงาตามตัว
ในยุคที่ ระบบสังคมนิยม เคยฮิตในหลายๆประเทศ การแบ่งสมบัติของเขาออกจะทารุณหน่อย คือประชาชนทุกคนจะต้องช่วยกันผลิตสมบัติในทุกประเภท แต่เมื่อผลิตได้แล้วให้เอามากองรวมกัน
ถือว่าสมบัติเหล่านั้นเป็นของรัฐ หรือของส่วนรวม โดยรัฐจะแบ่งปันคืนให้แก่ประชาชนผู้ผลิตสมบัติส่วนหนึ่งตามความจำเป็นของการดำรงชีพ ซึ่งไม่มากนักและแบ่งอย่างเท่าเทียมกันหมด
...
มองจากมุมของระบบสังคมนิยม เขาก็บอกว่าของเขาถูกต้องเพราะประเทศของเขาเหลื่อมล้ำกันมาก คนรวยรวยล้นฟ้าและมีกระจุกเดียว คนจนจะอดตายมีค่อนประเทศ ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็จะอยู่ไม่ได้
เขาก็ทำกันอย่างแพร่หลาย แต่ในที่สุดก็พบว่า วิธีแบ่งสมบัติหรือแบ่งประโยชน์แบบนี้ไม่มีสิ่งจูงใจ ไม่ทำให้คนกระตือรือร้น ถือว่าเป็นการแบ่งสมบัติที่ไม่ถูกต้อง
เขาก็ค่อยๆเลิกจนหลังๆประเทศสังคมนิยมแม้จะคงระบอบการปกครองไว้ แต่ระบบเศรษฐกิจจะหันมาใช้วิธีของทุนนิยมหมดแล้วทุกประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังมีทฤษฎีแบ่งสมบัติที่มีมานับร้อยนับพันปีอยู่อีกทฤษฎีหนึ่งที่ทุกวันนี้อาจจะไม่มีแล้ว แต่ก็มีการบันทึกไว้เป็นเรื่องราว และจัดสร้างภาพยนตร์ขึ้นหลายเรื่อง
นั่นก็คือการแบ่งสมบัติแบบ “โจรสลัด” ในยุคโบราณ
เมื่อกลุ่มโจรสลัดบุกเข้าปล้นหรือเข้ายึดเรือสินค้าได้ ก็มักจะส่งเสียงเฮฮาเจี๊ยวจ๊าวยื้อแย่งทรัพย์สมบัติต่างๆเป็นจ้าละหวั่น
โจรสลัดบางกลุ่มที่มีหัวหน้าเข้มแข็ง จะมีกติกากำหนดไว้ให้เอาของมีค่ามากองรวมกันก่อน แล้วหัวหน้าจะแบ่งให้ภายหลัง แต่โจรสลัดที่หัวหน้าไม่เข้มแข็งมักจะแย่งกันตั้งแต่แรก
เห็นนักการเมืองไทยของเรากำลังแบ่งสมบัติทางการเมืองใน ขณะนี้แล้วผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ท่านกำลังจะใช้ทฤษฎีหลังสุดนี่หรือเปล่า? เพราะดูส่งเสียงเอะอะเจี๊ยวจ๊าวยื้อแย่งกันเหลือเกิน
อย่าใช้เป็นอันขาดเชียวนะครับ และระวังอย่าให้ประชาชนคิดว่าท่านกำลังใช้เป็นอันขาดเช่นกัน จะทำให้หมดความเชื่อถือเชื่อมั่น อันจะเป็นผลเสียต่อหมู่คณะของท่าน คือ รัฐบาลที่ท่านจัดตั้งขึ้นในภายหลัง
วิธีที่ดีที่สุดก็คือ การใช้วิธี “หุ้นส่วน” ตามหลักของการค้าเสรีในระบบทุนนิยมนั่นแหละครับ ท่านก็ลองไปดูว่าเขาคิดวิธีปันผลอย่างไร แล้วเอามาประยุกต์ใช้ให้เกิดความเป็นธรรม จนเป็นที่พอใจของทุกๆฝ่าย
ที่สำคัญขอให้คุยกันเงียบๆ แบ่งปันอย่างสันติ อย่าออกมาให้สัมภาษณ์ อย่าโพสต์ อย่าแชร์ ถ้อยความที่ไม่จำเป็น
หรือท่านมีวิธีใดที่ดีกว่านี้ เป็นธรรมกว่านี้ สุภาพกว่านี้ ไม่กระโตกกระตากอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ จะนำมาใช้ก็เชิญเถิด
ผมขออย่างเดียว อย่าแย่งกัน อย่าเจี๊ยวจ๊าวจนทำให้ประชาชน เข้าใจผิดคิดว่าท่านกำลังใช้วิธี “แบ่งสมบัติ” แบบ “โจรสลัด” ในภาพยนตร์ยุคก่อนๆที่คนไทยเคยดูก็แล้วกันนะครับ.
"ซูม"