เสียงวิพากษ์วิจารณ์องค์กรอิสระดังขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 3 ระบุว่าไม่มีข้อมูลเพียงพอว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ส่วนเสียงข้างน้อยเห็นว่ายังไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัย
เรื่องนี้เป็นผลสืบเนื่องจากที่มีผู้ร้องเรียน กล่าวหา พล.อ.ประวิตร ไม่แสดงนาฬิกาหรู 25 เรือน และแหวนประดับมีค่า ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ผลของคำวินิจฉัยทำให้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ประกาศว่าจะรวบรวมรายชื่อประชาชน 2 หมื่นคน เพื่อถอดถอน ป.ป.ช. 5 คน ข้อหาใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกัน นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน ก็ประกาศว่าจะดำเนินการทาง กฎหมาย เพื่อเอาผิดกรรมการ ป.ป.ช. ให้ถึงที่สุด และขู่ว่าจะมีคนติดคุกแน่ ส่วนนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นผลจากการแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช. มีการแทรกแซงของรัฐบาลและ คสช. ต้องออกกฎหมายแก้ไขปัญหา
รายงานข่าวระบุว่ากรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างมาก 5 คน ที่วินิจฉัยให้ พล.อ.ประวิตรพ้นผิด มาจากการสรรหาและแต่งตั้งโดย สนช. ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของ คสช. เช่นเดียวกับกรรมการ กกต. 7 คน ที่มีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับการถูกแทรกแซงในเรื่องต่างๆ เช่น การแบ่งเขตเลือกตั้ง และการตรวจสอบรัฐบาล ที่ทุ่มงบประมาณแจกจ่ายในฤดูการเลือกตั้ง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิจารณ์ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ รัฐบาลใช้อำนาจมากที่สุดในรอบ 20 ปี เพราะได้รับการยกเว้นให้มีอำนาจเต็ม มีอำนาจเหนือ กกต. จึงเรียกร้องให้ กกต.ใช้ความกล้าหาญ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยไม่ต้องกลัว ม.44 ให้ตรวจสอบอย่างจริงจัง ทั้งกรณีนำบัตรคนจนไปผูกกับการเป็นสมาชิกพรรค และการระดมทุน 650 ล้าน
...
สังคมสงสัยในความเป็นอิสระ ในการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช. และ กกต.และสงสัยว่าถูกการเมืองแทรกแซงหรือไม่ จึงขอวิงวอนฝ่ายการเมืองอย่าได้สร้างตราบาปให้แก่องค์กรอิสระ เสาหลักของประชาธิปไตย ด้วยการแทรกแซงและทำลายความเป็นอิสระ ในอดีตเคยมีกรรมการ กกต.ติดคุกทั้งคณะ เนื่องจากถูกการเมืองแทรกแซงการจัดการเลือกตั้ง
การแทรกแซงองค์กรอิสระอาจทำได้ตั้งแต่ขั้นตอนการสรรหาและแต่งตั้ง จนถึงขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระ จึงขอฝากบรรดาผู้ที่คิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอให้เพิ่มเติมด้วยว่า ผู้ที่ใช้อำนาจแทรกแซงองค์กรอิสระ เป็น “บุคคลต้องห้าม” ห้ามสมัคร ส.ส. และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีพ เช่นเดียวกับผู้ทุจริตต่อหน้าที่และโกงเลือกตั้ง.