ผมได้รับ “จดหมายน้อย” จากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย หรือ PUBAT ขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์ข่าวสำคัญข่าวหนึ่งของแวดวง “หนังสือ” ให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกันอย่างกว้างขวางต่อไปด้วย
คงจะทราบกันแล้วว่ารัฐบาลของ “ลุงตู่” ได้มีมติเห็นชอบอนุมัติมาตรการทางด้านภาษีสำหรับนักช็อปทั้งหลายที่เรียกกันว่า “โครงการช็อปช่วยชาติ” อีก 1 ปีในปีนี้
แต่ได้ปรับปรุงรายการสินค้าที่จะช็อปเสียใหม่จากของเดิมที่จะช็อป สินค้าอะไรก็ได้ ในห้าง แล้วเอาใบเสร็จที่มีการรับรองจากห้างมาหักลดหย่อนภาษี มาเป็นสินค้า 3 ประเภท เท่านั้น
ได้แก่ ยางรถยนต์, สินค้าโอทอป และ หนังสือสื่อสิ่งพิมพ์และหนังสืออีบุ๊ก ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม
โดยมีเหตุผลหลักว่า โครงการ “ช็อปเพื่อชาติ” แนวใหม่นี้นอกจากจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นการช่วยชาติแล้ว อาจจะช่วยสนับสนุนให้มีการใช้ยางเพิ่มขึ้น ถ้าเราซื้อ ยางรถยนต์ อันจะเป็นผลให้ราคายางดีขึ้นไม่มากก็น้อย รวมทั้งการซื้อสินค้า โอทอป ก็จะเท่ากับช่วยเหลือพี่น้องชาวชุมชนต่างๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวชนบทให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้าโอทอปนั้นๆ
ส่วนประเภทที่ 3 คณะรัฐมนตรีเห็นด้วยกับข้อเสนอของ กระทรวงวัฒนธรรม ว่าการอ่านหนังสือจะเป็นการยกระดับ “คุณภาพของมนุษย์” ให้สูงขึ้น นอกจากจะมีความรอบรู้ในเรื่องต่างๆแล้ว อาจจะนำไปสู่การมีจินตนาการ คิดเป็น วิเคราะห์เป็น แก้ปัญหาเป็น ฯลฯ
ผมอ่านถ้อยแถลงของ ครม.ในเรื่องนี้แล้วก็อดที่จะชื่นชมผู้เสนอ คือท่านรัฐมนตรี วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสียมิได้...ขอบคุณนะครับท่านรัฐมนตรี
...
ในทางหลักการเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่จะสนับสนุนให้ช็อปหนังสือ ด้วยเหตุด้วยผลดังที่กระทรวงวัฒนธรรมชี้แจงไว้ และดังคำขวัญที่ปรากฏอยู่ในหน้าแรกของหนังสือในยุคปัจจุบันเกือบทุกเล่มที่ว่า...
“การอ่านคือการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา”
ไหนๆรัฐบาลจะต้องสูญเสียรายได้จากภาษีอากรลงไปจากการยอมให้หักเป็นค่าลดหย่อนทั้งทีก็ควรจะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติคือ การพัฒนาหรือบ่มเพาะคนไทยให้มีปัญญามากขึ้นควบคู่ไปด้วย
แต่ลึกๆแล้วการสนับสนุนให้ซื้อหนังสือครั้งนี้ยังเป็นเสมือนการให้ “นํ้าเกลือ” (ยังไม่ถึงขั้นให้ออกซิเจน) แก่วงการหนังสือที่กำลังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงพอสมควรอีกด้วย
อันจะเป็นผลทำให้วงการหนังสือมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากต้องเผชิญกับมหันตภัยคุกคามจากโลกยุค 4.0 คือ บรรดาโซเชียลมีเดียทั้งหลาย จนทำให้คนอ่านหนังสือจากสิ่งพิมพ์ที่เป็นกระดาษน้อยลง
ในขณะที่การอ่านจาก “อีบุ๊ก” แม้จะมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มากอย่างที่หวังไว้...เพราะส่วนใหญ่พี่น้องชาวไทยมักจะชอบอ่านอะไรสั้นๆ และชอบอ่านความคิดเห็นสั้นๆประเภทเม้าท์มอย หรือด่าแหลกกระแทกแรงๆตามโซเชียลเสียมากกว่า ทำให้สมาธิสั้นลงเป็นอันมาก
ผมจึงต้องขอขอบคุณมาตรการนี้ของรัฐบาล ที่ผมหวังว่าไม่มากก็น้อย จะช่วยกระตุ้นการซื้อหนังสือหรือการเป็นสมาชิกอีบุ๊กเพิ่มมากขึ้น อันจะนำไปสู่การอ่านอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นในที่สุด
สมาคมผู้จัดจำหน่ายแจ้งมาว่า ในส่วนของหนังสือเล่มๆนั้นจะมีสำนักพิมพ์ต่างๆเข้าร่วมโครงการมากมาย โดยจะจัดทำเป็นชุดของขวัญในรูปแบบต่างๆในราคาพิเศษ ออกวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วๆไป
จะซื้อไว้อ่านเองหรือจะซื้อเป็นของขวัญให้คนที่เรารักนับถือก็เชิญได้เลยครับ
เริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 16 มกราคม 2562 โน่นเลย สามารถนำไปหักเป็นค่าลดหย่อนสำหรับการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่จ่ายจริงแต่สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทนะครับ
ผมก็ขอถือโอกาสประชาสัมพันธ์ให้ตามคำขอของสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ตามที่เขียนมาทั้งหมดข้างต้นนี้ และขอเชิญท่านผู้อ่านเข้าร่วมภารกิจ “อ่านสร้างชาติ” ในโครงการ “ช็อปหนังสือช่วยชาติ” (และช่วยหนังสือ) อีกครั้งหนึ่ง...
เสียดายอยู่นิดเดียวว่าโครงการนี้ไม่ได้รวมถึง “หนังสือพิมพ์รายวัน” ด้วย...เฮ้อ! ทุกวันนี้ก็อยู่ในสภาพที่ต้องการ “น้ำเกลือ” มาบำรุงกำลังอยู่เหมือนกันนา.
“ซูม”