เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ รวมทั้งสื่อออนไลน์ทุกสำนักต่างก็พาดหัวข่าวใหญ่เหมือนๆกันว่า พรรค “พลังประชารัฐ” เปิดตัวเรียบร้อยแล้ว เลือก “อุตตม” เป็นหัวหน้าพรรคตามโผ
คำว่า “อุตตม” ในหัวข่าวยักษ์ที่ว่านี้ก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมท่านปัจจุบัน อุตตม สาวนายน นั่นเอง...ท่านตกเป็นข่าวมาหลายวันล่วงหน้าแล้วว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคนี้ ดังนั้นเมื่อได้เป็นจริงๆ หนังสือพิมพ์จึงใช้คำว่า “ตามโผ”
นอกจากรัฐมนตรีอุตตมแล้ว ยังมีรัฐมนตรีอีก 3 ท่าน ในรัฐบาลปัจจุบันได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆของพรรคนี้ ได้แก่...รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค, ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งโฆษกพรรค
รวมเบ็ดเสร็จแล้วมีรัฐมนตรีจากรัฐบาลของบิ๊กตู่ถึง 4 ท่าน ที่เป็นกรรมการบริหารของพรรคและอยู่ในตำแหน่งสำคัญๆของพรรคทั้งสิ้น
เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าทั้ง 4 ท่านนี้ คือ เจ้าของนโยบายที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ 4.0 โดยเฉพาะ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ที่เป็นต้นตำรับในการใช้คำว่า 4.0 ที่ดัดแปลงมาจากแนวคิดเดิมของนักอุตสาหกรรมเยอรมันที่แบ่งอุตสาหกรรมเป็นยุคต่างๆ ตั้งแต่ 1.0 ขึ้นมาจนถึง 4.0
เกิดเป็นโมเดล “ไทยแลนด์ 4.0” โดยมีกลุ่มนักวิชาการที่เห็นด้วย นำโดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งต่อมาเมื่อได้เป็นรองนายกฯก็ได้ผลักดันจนเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลบิ๊กตู่และนำไปสู่แผนปฏิบัติการที่ใช้เงินใช้ทองจำนวนมาก ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
รวมทั้ง โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ที่รัฐบาลชุดนี้ได้ลงหลักปักฐานเอาไว้อย่างแน่นหนา
...
ขณะเดียวกันก็มีนโยบาย “ประชารัฐ” ที่รัฐบาลบิ๊กตู่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจากรัฐมนตรีกลุ่มเดียวกันนี้เดินหน้ากระจายการพัฒนาแบบรัฐจับมือภาคเอกชนไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ทั่วประเทศ ก่อให้เกิดโครงการประชารัฐมากมาย
รวมถึง “ประชารัฐ” ในลักษณะ “ประชานิยม” ขึ้นทะเบียนคนจน มีเงินสวัสดิการช่วยคนจน โดยมีท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เป็นแกนหลักในการดำเนินการ
เป็นที่มาของการที่นำคำว่า “ประชารัฐ” มาตั้งเป็นชื่อพรรคการเมืองที่มีรัฐมนตรีที่ผมเอ่ยนามมานี้เป็นแกนหลัก โดยเติมคำว่า “พลัง” เอาไว้ข้างหน้าให้ดูเข้มแข็งมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากรายชื่อกรรมการบริหารพรรคที่หนังสือพิมพ์ลงไว้ทั้งหมดนั้น มิได้มีรายชื่อของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ แต่อย่างใด
แต่ก็คาดกันว่าทั้ง 2 ท่านอาจจะเข้ามาร่วมในโอกาสต่อๆไป โดยเฉพาะเมื่อการเลือกตั้งมาถึง หรือไม่ก็หลังจากผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว
กล่าวโดยสรุป ผมเห็นด้วยกับนักวิเคราะห์ทางการเมืองทั้งหลายที่บอกว่า พรรคการเมืองใหม่พรรคนี้เป็นตัวแทนของรัฐบาลนี้โดยตรง
ดูจากตัวบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของนโยบายหลักๆที่ดำเนินการโดยรัฐบาลนี้ เช่น นโยบาย 4.0 โครงการ EEC นโยบายประชารัฐ ฯลฯ ที่อาสาเข้ามามีบทบาทสำคัญในพรรคดังกล่าวแล้ว คงยากที่จะปฏิเสธได้
ท่านที่ติดตามคอลัมน์นี้มาพอสมควร คงจะพอจับความได้ว่าผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับนโยบาย 4.0 ไม่ค่อยเห็นด้วยกับนโยบายลงทุนใหญ่ประเภทรถไฟความเร็วสูง และ ฯลฯ รวมทั้งไม่ค่อยเห็นด้วยกับนโยบายประชารัฐ ในส่วนที่เป็นประชานิยมแจกเงินคนจนเท่าที่ดำเนินการกันมา
เพียงแต่เจียมตัวว่า ผมแก่เกินไปและก็คงจะตกรุ่นไปนานแล้ว จึงไม่อยากจะคัดค้านอะไรรุนแรง นอกเสียจากฝากความกังวลใจและห่วงใยในสิ่งที่ท่านทั้งหลายได้ลงมือทำไว้เท่านั้น
แต่ก็ต้องชื่นชมที่ท่านเชื่อมั่นในความคิดและทฤษฎีการพัฒนาประเทศของท่าน และวันนี้ได้ออกมาเสนอตัวเป็นพรรคทางเลือกใหม่ เพื่อจะดำเนินงานตามนโยบายของท่านต่อไป
จากนี้ไปเราก็คงต้องมารอดูกันว่า เมื่อการเลือกตั้งมาถึงแล้วประชาชนจะยอมรับนโยบายของท่านหรือไม่?
สำหรับวันนี้ผมขอต้อนรับรัฐมนตรีเลือดใหม่ทั้ง 4 ท่าน ซึ่งแม้ผมจะไม่เห็นด้วยหลายส่วนในแนวความคิด แต่ก็ชื่นชมเสมอว่าทุกท่านเป็นคนเก่งคนดีมีความสามารถสูงอีกกลุ่มหนึ่งของประเทศไทย.
“ซูม”