ท่านผู้อ่านคงจะทราบแล้วว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา จบลงด้วยชัยชนะอย่างถล่มทลายของพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งมีท่านนายกรัฐมนตรีฮุน เซน เป็นหัวหน้าพรรค
ซึ่งก็เป็นไปตามคาดหมายอยู่แล้ว เพราะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่มีพรรคคู่แข่งที่โดดเด่น เนื่องจาก พรรคกู้ชาติกัมพูชา พรรคฝ่ายค้านหลักโดนศาลพิพากษายุบพรรคไปตั้งแต่ปีกลาย แถมตัดสิทธินักการเมืองคนสำคัญของพรรคไม่ให้ลงเลือกตั้งเอาไว้ด้วยเรียบร้อย
สำหรับความเห็นจากรัฐบาลต่างประเทศนั้น ก็มียักษ์ใหญ่อย่างน้อย 2 ประเทศที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้ง ได้แก่ สหรัฐอเมริกากับออสเตรเลีย โดยเฉพาะสหรัฐฯถึงกับออกมาแถลงว่า อาจจะมีการใช้มาตรการตอบโต้บางประการ เช่นมาตรการทางด้านการงดออกวีซ่าให้แก่สมาชิกในรัฐบาลกัมพูชา เป็นต้น
ส่วนท่าทีของรัฐบาลในกลุ่มประเทศอาเซียน ขณะที่ผมเขียนนี้ยังไม่มีความเห็นจากประเทศใดอย่างเป็นทางการ แต่ก็คิดว่าโดยมารยาทแล้ว ก็ไม่น่าจะมีความคิดเห็นอะไรที่จะออกมาในเชิงที่จะทำให้กระทบความสัมพันธไมตรีอันดีที่มีต่อกัน
ผมเองเท่าที่เคยไปกัมพูชามาหลายครั้ง รวมทั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปีก่อน ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พูดคุยกับบุคคลสำคัญในรัฐบาลกัมพูชาหลายๆท่าน ทำให้ทราบว่าเขาก็มีคนเก่งๆทันสมัย มีความรู้ดีอยู่มากทีเดียว
ถ้าเรายกเรื่องการเมือง เรื่องเลือกตั้ง หรือเรื่องความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งก็คงจะไม่เต็มใบจริงอย่างที่โลกตะวันตกเขามองอยู่ออกไปเสีย...หันมามองเฉพาะด้านพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเดียว
ผมก็ว่ารัฐบาลกัมพูชาทำได้ไม่เลวทีเดียว มองเห็นความเจริญ มองเห็นความเปลี่ยนแปลง และความเติบโตของกัมพูชายุคใหม่ได้อย่างเด่นชัด
อาจจะเป็นเพราะการพัฒนาประเทศ ทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขขึ้นก็ได้นะครับ ที่ทำให้คนกัมพูชาออกมาใช้สิทธิถึงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และเลือกตั้งพรรครัฐบาลอย่างถล่มทลาย
...
ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าในการรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ บางสำนักสำหรับผลการเลือกตั้งในกัมพูชาครั้งนี้นั้น เขาใช้คำว่านายกรัฐมนตรี ฮุน เซน “จะมีโอกาสยืดหรือขยายการเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดของโลกต่อไปอีก”
สำนักข่าว LBD ของศรีลังกาพาดหัวว่า “Cambodia’s Hun Sen To Continue as World’s Longest Serving Prime Minister”
พอเจอคำว่า “นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดในโลก” ผมก็ลองไปค้นดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็พบว่าที่ผ่านมา ท่านนายกฯฮุน เซน ท่านครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาทั้งสิ้นเป็นเวลา 33 ปี กับ 211 วัน นับถึงวันที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับ
ในการบันทึกว่า ผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานนั้น จะมีการบันทึกไว้ 2 แบบ คือแบบที่หนึ่งนับรวมกับตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย ท่านนายกฯ ฮุน เซน จะเป็นผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานเป็นอันดับ 6 ของโลก
โดยมี นายพอล บียา (Paul Biya) ประธานาธิบดีแคเมอรูน อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดของโลกเป็นเวลา 43 ปี กับ 30 วัน
แต่ถ้านับเฉพาะผู้นำที่เป็น “นายกรัฐมนตรี” เท่านั้น ท่าน ฮุน เซน จะขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลกทันที คือครองตำแหน่งเมื่อ 31 ธ.ค.1984 มาจนถึงบัดนี้ เป็นเวลา 33 ปี กับ 211 วันดังกล่าว
ท่านเพิ่งจะมีอายุ 65 ปีเท่านั้น ซึ่งยุคนี้ถือว่าเป็นอายุที่ยังกระชุ่ม กระชวยมาก หากท่านอยู่ในตำแหน่งอีก 5 ปี ครบเทอม จะมีอายุ 70 ปี บริบูรณ์ ซึ่งยุคใหม่ก็ถือว่ายังแข็งแรงเช่นกัน และจะทำให้จำนวนปีของ การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นปีที่ 38 เศษๆ
ถือว่าเป็นสถิติโลกใหม่สำหรับผู้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ยาวนานออกไปอีก...และคงจะยากที่จะหาใครมาทำลายลงได้
เพราะผู้ที่ยังอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีจำนวนปีรองจากท่านฮุน เซนก็คือ ท่านมหาธีร์ โมฮัมหมัด ของมาเลเซีย เพื่อนร่วมอาเซียนเรานี่เอง ใน วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีระบุว่า ท่านมหาธีร์อยู่ในตำแหน่งครั้งแรก รวมกับที่กลับมาใหม่ 20 ปี กับ 253 วัน ขณะที่เขียน
ต่างกันถึง 17-18 ปี ยังไงๆท่านมหาธีร์ก็ไม่มีทางแซงท่านฮุน เซนได้อยู่แล้วครับ.
“ซูม”