เพิ่งจะทำนายทายทักไปว่า “ธุรกิจ” หรือการประกอบการค้าอะไรบ้างที่จะเป็นดาวรุ่ง และดาวร่วงสำหรับปี 2561 เมื่อ 2-3 วันก่อน เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร
ปรากฏว่าเมื่อวานนี้เอง มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็ทำนายทายทักออกมาอีกเรื่องละครับ คราวนี้เจาะจงเกี่ยวกับ “อาชีพ” หรือ “งาน” ของคนไทยเลยทีเดียว มีทั้งอาชีพประเภท “รุ่งโรจน์” และ “ร่วงโรย” เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่แล้ว
เรามาดูกันเลยครับว่า อาชีพที่คาดว่าจะ “รุ่งโรจน์” ในปีหน้าในทัศนะของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีอะไรบ้าง
ปังที่สุดติดอันดับ 1 เลยก็คือ แพทย์ผิวหนัง และ ศัลยกรรม ถัดไปได้แก่ โปรแกรมเมอร์ วิศวกรซอฟต์แวร์ และ นักพัฒนานักวิเคราะห์ข้อมูล หรืออาชีพไฮเทคทั้งหลาย
จากนั้นก็จะเป็น นักการตลาดออนไลน์, เน็ตไอดอล, นักการเงิน และ นักออกแบบวิเคราะห์ระบบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ(ไอที), กราฟฟิกดีไซน์ และ นักวิทยาศาสตร์ด้านอาหาร
ตามมาด้วย นักวิทยาศาสตร์ด้านความงาม (คิดค้นเครื่องสำอาง), อาชีพเกี่ยวกับการท่องเที่ยว, ผู้ประกอบธุรกิจ สตาร์ตอัพ และอีคอมเมิร์ซ, อาชีพในวงการ บันเทิง, สถาปนิก, ครูสอนพิเศษ, ติวเตอร์, โลจิสติกส์ และ นักบัญชี
ส่วนอาชีพที่คาดว่าจะ “ร่วงโรย” นั้น เริ่มจากอาชีพ ตัดไม้ และ ช่างไม้ ไร้ฝีมือ, พ่อค้าคนกลาง, ย้อมผ้า, บรรณารักษ์, ไปรษณีย์ ด้านส่งจดหมาย, พนักงานขายสินค้าหน้าร้าน
ตามมาด้วยอาชีพ ตัดเย็บเสื้อผ้าโหล, ทำรองเท้า+ช่างซ่อมรองเท้า, เกษตรกร, ครูอาจารย์, แม่บ้านทำความสะอาด
ส่งท้ายด้วยอาชีพ นักหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และ ผู้สื่อข่าวภาคสนาม ที่มีข่าวว่าสำนักสื่อต่างๆทยอยปิดตัวเป็นระยะๆ
ตรวจสอบกันหรือยังครับว่า ท่านอยู่ในอาชีพที่เขาเพิ่งเผยผลสำรวจออกมาหรือเปล่า? อยู่ในประเภทโดดเด่นมีอนาคต หรือในประเภทตะวันยอแสงที่กำลังจะร่วงโรย
...
เท่าที่ผมอ่านดูอย่างคร่าวๆเกี่ยวกับเหตุผลที่ท่านอาจารย์ วชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ท่านแถลงประกอบผลการพยากรณ์ของท่านนั้นก็ถือว่ายอมรับได้
เพราะทิศทางและแนวโน้มทั้งของโลกและของประเทศไทยเรา จะเป็นไปอย่างที่ท่านอาจารย์หยิบมาเป็นเหตุ เป็นผลในการวิเคราะห์
โดยเฉพาะเหตุผลในด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านอินเตอร์เน็ต ด้านออนไลน์ ที่พุ่งแรงจนกลายเป็น “สึนามิ” ทำลายธุรกิจดั้งเดิมหลายต่อหลายอย่างในช่วง 2-3 ปีมานี้
อาชีพนักหนังสือพิมพ์หรือนักข่าวภาคสนามจึงติดอันดับกับเขาด้วย ตามธุรกิจสิ่งพิมพ์ที่กลายเป็น “ดาวร่วง” ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
รวมทั้ง อาชีพพนักงานขายของหน้าร้านที่อีกหน่อยห้างต่างๆจะใช้พนักงานน้อยลง เพราะคนซื้อของทางออนไลน์มากขึ้น
ครู อาจารย์ก็จะไม่รุ่ง เพราะนอกจากเด็กจะเกิดน้อยจำนวนนักเรียนน้อยลงแล้ว ความรู้สมัยใหม่ยังหาเรียนได้จากโซเชียลมีเดียอีกด้วย
ปรากฏการณ์นี้ได้เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาแล้ว มีข่าวว่ามหาวิทยาลัยหลายๆแห่งเริ่มสะเทือน เพราะคนรุ่นใหม่หันไปเรียนทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น จนจำนวนนักศึกษาในมหาวิทยาลัยบางแห่งน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
สรุปว่าผมเห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่กับผลการพยากรณ์ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในเรื่องนี้ และก็ขอถือโอกาสปลอบใจแบบปรับทุกข์ผูกมิตรสำหรับอาชีพที่กำลังจะร่วงโรยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ก็คงต้องนึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์อีกครั้ง...“เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป” เป็นของธรรมดา...ในระหว่างที่ยังไม่ดับก็ขอให้สู้ต่อไป สู้ด้วยความตั้งใจ สู้ด้วยความเพียร สู้ด้วยความดี
เมื่ออาชีพของเราถึงกาลจะต้องดับ เราก็ยอมรับความจริง หันไปทำอาชีพใหม่ เอาตัวรอดกันต่อไป...ผมยังเชื่อเสมอ ตราบใดที่หนักเอาเบาสู้ ...จะไม่มีวันอดตายในแผ่นดินไทย
โดยเฉพาะนักข่าว นักหนังสือพิมพ์ เราทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว เมื่อ 20 ปีก่อนประเทศไทยเป็นโรคต้มยำกุ้ง คนไทยตกงานเยอะ หนังสือพิมพ์ก็ปิดตัวเองเยอะ...เรายังไปเปิดท้ายรถขายของกันมาแล้ว...กลายเป็นตัวอย่างของการเปิดท้ายขายสินค้าเร่มาจนถึงวันนี้.
“ซูม”