ผมนั่งอ่านบทสัมภาษณ์ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชนิดเอ็กซ์คลูซีฟหรือสัมภาษณ์มาเพียงฉบับเดียวของหนังสือโพสต์ ทูเดย์แล้วก็อดมิได้ที่จะยกมือ “สาธุ” ด้วยความยินดี
สาธุอย่างจริงใจนะครับ มิใช่ประชดประชันแต่อย่างใดทั้งสิ้น ที่ได้ทราบถึงแผนงาน “เฟสสอง” ว่าด้วยมาตรการช่วยคนจนของรัฐบาล
ท่านรัฐมนตรี อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กล่าวกับ โพสต์ ทูเดย์ ว่าปีหน้ารัฐบาลจะพยายามให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ ร้อยละ 4-5 ซึ่งท่านเชื่อว่ากระทรวงการคลังสามารถจะทำได้
โดยจะออกมาตรการช่วยผู้มีรายได้น้อยภาค 2 เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้ามามีส่วนรับผลพวงของความเจริญเติบโตนั้นได้ด้วย อันจะทำให้ความเจริญเติบโตนั้นกระจายออกไปอย่างทั่วถึงคนไทยทุกระดับ
ในเดือนธันวาคมนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่เป็นโครงการฝึกอาชีพ เพื่อเพิ่มความสามารถ เพื่อให้หางานทำได้ โดยการให้เครื่องมือทำกินเพื่อแก้ไขความยากจนอย่างยั่งยืน
จะเป็นแผนงานที่เกี่ยวข้องกับหลายๆส่วนราชการ ซึ่งจะต้องมา “บูรณาการ” ร่วมมือกันเพื่อช่วยคนยากจนตามโครงการนี้ มีทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
สำหรับการฝึกอาชีพ จะแบ่งเป็นรายอาชีพ เช่น ภาคเกษตรกรรมก็จะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้รับผิดชอบ กำหนดให้ปลูกพืชตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งรัฐบาลอาจซื้อผลผลิตทั้งหมด โดยใช้กลไกขององค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นต้น
หรือจะเป็นเอสเอ็มอีด้านการเกษตร โดยจะให้ผู้ลงทะเบียนแสดงเจตจำนง ว่าต้องการทำอาชีพอะไร และทางรัฐบาลจะหาแนวทางและผู้รับผิดชอบเข้าไปฝึกอาชีพให้สามารถไปทำงานหารายได้จริง ซึ่งต้อง ร่วมมือกันทุกหน่วยงานดังกล่าว
...
ท่านกล่าวด้วยว่า “หากผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีอาชีพ และไม่ยอมมาฝึกอาชีพในปีต่อไป รัฐบาลอาจจะพิจารณาตัดความช่วยเหลือ เดือนละ 200-300 บาท เพราะถือว่าไม่พยายามพัฒนาตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”
รวมทั้งประโยคที่ถูกใจผมมาก ที่ท่านบอกว่า “รัฐบาลมองว่า หากให้ผู้มีรายได้น้อยรอรับเงินอย่างเดียวก็จะติดแต่การรับเงินตลอดไป แต่หากให้มีการฝึกอบรมทักษะฝีมือ จะเป็นการช่วยให้มีรายได้ที่ยั่งยืน”
อ่านแล้วก็ต้องขอถอนคำพูดที่ผมเคยกระแหนะกระแหนท่านและรัฐบาลนี้มาตลอด นับแต่ริเริ่มมาตรการช่วยเหลือคนจนแบบที่ผมเคยเรียกว่า “ลดแหลกแจกแถม” ซึ่งจะทำให้คนจนเคยตัวนั่นแหละครับ
แสดงว่าท่านมีแผน มีขั้นตอนในการทำงาน เริ่มจากการแจกแบบจูงใจให้มาลงทะเบียนซะก่อนในเฟสแรก
พอมีบัตรมีการ์ดพร้อมมูลแล้ว จึงค่อยเริ่มเฟซสอง ซึ่งเป็นแนว ความคิดที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ถูกต้อง
นั่นก็คือต้องช่วยให้คนทำงานเป็นไม่ใช่ช่วยให้เขาเอาแต่แบมือรอความช่วยเหลือ หรือจะต้องช่วยให้เขารู้จักตกปลา หรือหาปลากิน มิใช่เอาปลาไปแจก ซึ่งจะมีปลากินเพียงหนเดียวเท่านั้นจากนั้นก็จะรอแจกต่อ
ความจริงผมไม่เห็นด้วยตั้งแต่การแจ้งให้มาลงทะเบียนอย่างเร่งร้อน จนได้คนจนมา 11.67 ล้านคนอย่างที่ว่า
เพราะผมเชื่อว่าจะมีคนนิสัยไม่ดี ที่ไม่จน ไม่ใช่คน “ยากจน” แต่ “อยากจน” เพื่อเข้ามารับความช่วยเหลือต่างๆ แฝงตัวเข้ามาจำนวนไม่น้อย
แต่เมื่อดำเนินการมาจนถึงขั้นนี้แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย เพราะตัดพ้อต่อว่าย้อนหลังไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว
รวมทั้งการแจกในเฟสแรก ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วย และก็ได้ตัดพ้อต่อว่า หรือเหน็บแนมแกมประชดไปพอสมควรแล้วเช่นกัน
จากนี้ไปจะคอยให้กำลังใจ เพราะชอบใจแนวคิดในเฟส 2 ซึ่งผมเชื่อว่าจะเป็นเฟสที่ยากที่สุดและต้องการกำลังใจที่สุด
เพราะจะไม่มีการทำงานกับส่วนราชการใดที่ง่ายดายเลย ยิ่งต้อง “บูรณาการ” หรือทำงานด้วยกันด้วยแล้ว ต้องใช้คำว่า อภิมหายากส์ (เติมอภิและเติมตัว S ฝรั่งไปด้วยเพื่อยืนยันว่ายากส์มากๆ)
เอ่ยชื่อมา 3 กระทรวง ทั้งแรงงาน ทั้งเกษตรฯ ทั้งพาณิชย์ ฟังแล้วก็เหนื่อยแทนท่าน
แต่ก็เอาเถอะเมื่อท่านมาถูกทางผมก็ขอให้กำลังใจและจะติดตามให้กำลังใจเป็นระยะๆจากนี้ไปนะครับ (เพราะกลัวว่าท่านจะท้อเสียก่อน เมื่อถึงเวลาต้องทำงานกับกระทรวงอื่นๆนอกกระทรวงการคลัง)
“ซูม”