แร้งจับหลังคาเรือน คนโบราณถือกันอย่างยิ่งว่า พาความฉิบหายให้คนในเรือน มีคติให้ปัดเป่าผ่อนหนักให้เป็นเบา ให้ออกปากทันที “ว่าพญาหงส์” ถ้าหาธูปได้ ก็รีบจุดขึ้น บอกพญาหงส์ว่า ให้เอาลาภมาให้
สถิตย์ เสมานิล เขียนไว้ในหนังสือ วิสาสะเล่ม 1 (ต้นอ้อแกรมมี่ จำกัด พ.ศ.2539) ว่า
ปีก่อนญี่ปุ่นเข้าไทย (2484) มีข่าวแร้งลงที่ท้องสนามหลวง ด้านใกล้สนามสามเหลี่ยม กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ทรงเขียนวิจารณ์ใน “ประมวญวัน” แร้งมักเลือกจับหลังคามุงจาก เรือนเก่าโกโรโกโสจวนผุ
แร้งเป็นนกใหญ่มีน้ำหนักมาก หลังคานั้นก็มักพังยุบยวบลงไป คนโบราณเชื่อว่าจะพาความฉิบหายมาสู่คน ก็น่าจะมาจากเหตุนี้เอง
“แร้งไม่เคยจับหลังคาเรือนปรุงไม้จริง หลังคามุงกระเบื้อง”
ใน “สามกรุง” ที่กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ทรงนิพนธ์เมื่อปี 2486 สมมติเป็นคำของพระเจ้าเอกทัศน์ ดำรัสแก่ศรีสนมขณะเสด็จประพาสชมนกชมไม้ในป่า
ศัพท์หงส์จงหยั่งแจ้ง ในจิต เจ้าเทอญ แปลว่า พระอาทิตย์เทพไท้ ว่าเป็ดว่าห่านชนิดต่างๆ แปลว่าควายก็ได้ ลึกล้ำตำรา อนึ่ง หงส์
เป็นชื่อใช้ จำบัง นามนา เกาะเย่า (เหย้า) เราชิงชัง ชั่วแกล้ง เรียกเพี้ยนเปลี่ยนนามดัง เหมราช ชื่อที่จริง คือแร้ง โหดร้ายมลายผลาญ
โคลงพระนิพนธ์สองบทนี้ ช่วยให้เราได้รู้ศัพท์หงส์ ที่แปล
ได้หลายความ แปลได้กระทั่ง “แร้ง”
ผู้รู้อย่าง อาจารย์สถิตย์ เสมานิล ให้ข้อสังเกต แม้คำโบราณว่า แร้งพาเสนียดจัญไร แต่แร้งในบางมุม ก็ถูกเปรียบเทียบไว้กับคนดี
โคลงโลกนิติบทหนึ่ง “รูปแร้งดูร่างร้าย รุงรัง ภายนอกพิศพึงชัง ชั่วช้า เสพสัตว์ที่มรณัง นฤโทษ เฉกเช่น สาธุชนกล้า กลั่นสร้างทางผล”
โคลงบทนี้ชี้ว่า แร้งเป็นสัตว์ที่ไม่มีภัย เลือกกินแต่สัตว์ตาย เหมือนคนถือศีลปรารถนานิพพาน นั่นเทียว
...
ยังมีคำเชิดชูแร้ง “ตาแร้ง หูผี จมูกมด” ว่ากันว่าแร้งสายตาไกล มองเห็นได้ถึงหนึ่งโยชน์ (สี่ร้อยเส้น หรือ 20 กิโลเมตร ชะรอยก็จะจริง)
อาจารย์สถิตย์ เคยเห็นแร้งลงกินหมาเน่าควายเน่า สามสี่ครั้ง ไม่เคยปรากฏว่ามีรังอยู่ใกล้ๆ
และการกินของแร้ง ก็เป็นการกินอย่างมีมารยาท ไม่แย่งกันกิน ไม่รังแกกัน ไม่จิกตีกัน ทันที่บินลงมาถึง ตัวที่หนึ่ง สอง สาม สี่...ยืนนิ่งจับเจ่าราวตุ๊กตา
จนเมื่อแร้ง หัวแดงเหนียงแดง บินมาถึง ตรงเข้าจิกสัตว์เน่าฉับ...เท่านั้น แร้งตุ๊กตาที่มาก่อนหลายตัว ก็ฮือเข้ารุมจิก ถ้าเป็นสัตว์เล็กอย่างหมาเน่า ประเดี๋ยวเดียวก็เกลี้ยง
เจ้าแร้งหัวแดงเหนียงแดงตัวนั้น คือพญาแร้ง
อาจารย์สถิตย์เคยได้ยินคำด่า แร้งวัดสระเกศมาตั้งแต่ยังรุ่นคะนอง ไม่เคยนึกว่าแร้งวัดสระเกศ เมื่อ 70 ปีก่อนหน้านั้น เป็นอย่างไร
จนกระทั่งได้ฟัง ลงเอิบ กุรุคุรุกุล ทายกศาลาบ้านหม้อ เล่าให้ฟัง...ตอนที่มีคนตายมากๆจนเผาไม่ทัน หรือไม่มีฟืนพอเผา เขาก็จะเก็บศพไว้ในโรงไม้สี่เหลี่ยมฝาทึบ รอให้แร้งกิน
ฝูงแร้งกินศพจนคุ้นเคย มันจึงมักปักหลักในรังรวงบนต้นไม้ใกล้บริเวณนั้น ทันทีที่สัปเหร่อเปิดฝาโรงไม้ ร้อง “มาโว้ยๆ” มันก็บินกันเข้าไปกลุ้มรุมกิน
และก็กินกันด้วยมารยาทแร้ง คือรอให้ตัวหัวหน้าลงมากินก่อน แล้วจึงกินตาม
แต่ก็น่าแปลก มารยาทการกินของแร้ง คนไม่กล้าเอามาเปรียบเปรยใช้ เห็นจะอายว่า แร้งไม่ได้กินอาหารแบบคน แต่กินศพ ล่ะกระมัง.
กิเลน ประลองเชิง