กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้อง ครม. บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นชอบมาตรการ “ช็อปช่วยชาติ” ส่งท้ายปี มีผลตั้งแต่ วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน ไปจนถึง วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม รวม 23 วัน สามารถนำค่าซื้อสินค้าและบริการ 15,000 บาท ไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2560 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี ท่ามกลางเสียงสนับสนุนกันเซ็งแซ่ แม้จะเป็นมาตรการระยะสั้น แต่ก็ทำให้ผู้ซื้อผู้ขายมีความสุขส่งท้ายปีด้วย ผมสนับสนุนเห็นด้วยครับ
การหักลดหย่อนภาษีต้องใช้ “ใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มเต็มรูปแบบ” เท่านั้น ผู้ที่ได้ประโยชน์ ก็คือ ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ใครไม่จดก็อดร่วม
คุณแพตรีเซีย มงคลวนิช รองปลัดคลัง แถลงว่า มาตรการช็อปช่วยชาติ ปีนี้คาดว่า กรมสรรพากรจะเสียรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท จากการซื้อสินค้าที่คาดว่าจะมีประมาณ 25,000 ล้านบาท มาตรการช็อปช่วยชาติปีที่แล้ว 2559 มีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท กรมสรรพากรเสียรายได้ 1,800 ล้านบาท แสดงว่ามาตรการช็อปช่วยชาติกระตุ้นกำลังซื้อและการใช้จ่ายได้จริง
คุณณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีพาณิชย์ แถลงว่า มาตรการช็อปช่วยชาติปีนี้ จะส่งผลต่อเนื่องให้ระบบเศรษฐกิจขยายตัวรวม 0.05% ของจีดีพี ที่ต้องทำทันที ไม่รอช่วงปลายปี เพราะไม่ต้องการให้คนชะลอการใช้จ่ายเพื่อรอเวลา เมื่อประกาศแล้วต้องรีบใช้ทันที การลดหย่อนภาษีนี้ไม่รวมสินค้าประเภท สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ นํ้ามัน ก๊าซเติมรถยนต์ ค่าท่องเที่ยว ค่าโรงแรม ส่วน ค่าตั๋วเครื่องบิน ลดหย่อนได้แค่ นกแอร์ กับ แอร์เอเชีย เพราะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
...
ผมอยากเสนอ คุณอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีคลัง ไว้ตรงนี้ว่า รัฐบาลน่าจะทำมาตรการช็อปช่วยชาติปีละ 2 ครั้ง คือ ในช่วงปลายปีที่เป็นไฮซีซั่น และ ในช่วงกลางปีที่เป็นโลว์ซีซั่น ให้บาลานซ์กัน ไม่เพียงสร้างกำลังซื้อในประเทศให้เกิดขึ้น แต่ยังทำให้ผู้ซื้อผู้ขายมีความสุขและยังช่วยกรมสรรพากรขยายฐานภาษีผู้ประกอบการได้อีกเยอะทีเดียว ไม่เชื่อผมก็ลองทำดูสักปีสองปีก็ได้
จากมาตรการ “ช็อปช่วยชาติ” ไปดู “การลงทุนช่วยชาติ” กันบ้าง ผมไม่ได้พูดเล่น คนไทยทุกคนที่มีรายได้ ไม่ว่าจากเงินเดือนหรือการค้าขาย ถ้าสามารถนำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองและครอบครัวในอนาคต ด้วยการลงทุนใน กองทุนรวม ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ที่สามารถนำไป “หักลดหย่อนภาษี” ได้เช่นกัน จะช่วยชาติช่วยรัฐบาลลดภาระในการใช้งบประมาณดูแลคนเหล่านี้ในยามชราหรือยามสูงวัย ได้อย่างมากเลยทีเดียว อีกปีสองปี ประเทศไทย ก็เข้าสู่ ประเทศผู้สูงวัย เต็มตัวแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท ส่วน การประกันชีวิต ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท การประกันสุขภาพ ลดหย่อนได้ 15,000 บาท แต่เมื่อรวมกับการประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท การประกันสุขภาพบิดามารดา ลดหย่อนได้อีก 15,000 บาท เป็นต้น
การลงทุน จึงช่วยทั้ง ชาติ (ลดภาระงบประมาณ) และ ตัวเอง (มีเงินใช้ยามเกษียณ)
วันที่ 10-12 พฤศจิกายนนี้ จะมี งานมหกรรมการเงิน Money Expo เชียงใหม่ ครั้งที่ 12 ที่เชียงใหม่ฮอลล์ เซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่แอร์พอร์ต มี ธนาคาร สถาบันการเงิน กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิต ประกันภัย ไปร่วมออกงานกันอย่างคึกคัก เพื่อให้บริการลงทุน ทั้ง สินเชื่อบ้าน เอสเอ็มอี หุ้น กองทุนรวม ประกันชีวิต ประกันภัย ฯลฯ รวมทั้ง สินเชื่อบุคคล บัตรเครดิต บัตรเดบิต ที่จำเป็นต่อชีวิต
ไม่เชื่อก็ไปลองดูได้ครับ แล้วคุณจะได้รู้ว่า การลงทุนเป็นสิ่งคุ้มค่าจริงๆในชีวิต
ไม่เพียง ช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ ยังช่วยสร้างความมั่นคงให้คุณในอนาคต และ ยังช่วยชาติประหยัดเงินลดภาระดูแลผู้สูงวัยในอนาคต ได้อีกด้วย.
“ลม เปลี่ยนทิศ”