นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ
เป็นการยืนยันอีกครั้งว่าเดือนสิงหาคม เป็น “เดือนแห่งคำพิพากษา” หลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกนักการเมืองระดับรัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงกับพรรคพวกนับสิบคน เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ต่อมาในวันที่ 29 ศาลก็ตัดสินคดีดังอีก 2 คดี ทำให้นักการเมืองและพิธีกรทีวีดังต้องโทษจำคุก
ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกพิธีกรข่าวโทรทัศน์คนดัง เป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน พร้อมกับจำเลย อีกหนึ่งคน ขณะที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ คือองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ถูกจำคุก 20 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต รวมทั้ง ยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาของทีวีช่อง 9 กว่า 138 ล้านบาท
อีกคดีหนึ่ง ป.ป.ช.เป็นโจทก์ฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กล่าวหานายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต สั่งเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน โดยเจตนาช่วยเหลือบริษัทเอกชนให้ได้รับประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์
นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำพินัยกรรมยกที่ดิน 2 แปลง จำนวน 723 ไร่ ให้วัด แต่หลังจากนางเนื่อมถึงแก่กรรม กลับมีการโอนที่ดินให้มูลนิธิแห่งหนึ่ง และมูลนิธิขายที่ดินให้ 2 บริษัท ซึ่งเป็นของครอบครัวนักการเมืองดัง ต่อมาอธิบดีกรมที่ดินได้สั่งเพิกถอนการโอนที่ดิน เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่นายยงยุทธสั่งเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน
คำพิพากษาศาลตอนหนึ่งระบุว่า จำเลยมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน โดยจงใจละเลยข้อเท็จจริง จงใจตีความกฎหมายให้ผิดเพี้ยนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาที่มีมติว่าที่ดินตกเป็นของวัดและเป็นที่ธรณีสงฆ์ ตั้งแต่วันที่เจ้าของพินัยกรรมถึงแก่กรรม ไม่สามารถซื้อขายกันได้ จำเลยทำลายศรัทธาของผู้เลื่อมใสในพระศาสนา และพิพากษาให้จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
...
คดีนี้กลายเป็นมหากาพย์ทางการเมืองที่โด่งดัง พรรคฝ่ายค้านเคยเปิดอภิปรายในสภา อดีตรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลุกขึ้นมาตอบโต้ กล่าวหาว่าฝ่ายค้านอิจฉาริษยาตน จึงนำเอาเรื่องนี้มาอภิปราย และถูกผู้นำฝ่ายค้านชั้นเทพตอกกลับว่า “พวกผมจะอิจฉาคุณทำไม เพราะคุณกำลังจะตกนรก เพราะทำบาปกรรมเอาที่ดินของวัดไปขายกิน” เป็นการเชือดเฉือนคารมที่โด่งดัง
แต่น่าเสียดายที่เรื่องนี้เกิดมานาน บางคดีจึงขาดอายุความ นักการเมืองที่เป็น ต้นเรื่องของการเอาที่วัดมาขายจึงรอดตัวไป แต่ต้องถือว่าเป็นคดีการทุจริตที่โด่งดัง สะท้อน ถึงอัจฉริยภาพอันยอดเยี่ยมของนักการเมืองไทยที่สามารถเล่นแร่แปรธาตุ เอาที่ธรณีสงฆ์หรือที่ดินของวัดมาแปลงสภาพเป็นหมู่บ้าน จัดสรรและสนามกอล์ฟ และฟันกำไรมหาศาล.