ก็ทำเอา ตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. นักลงทุน งงเต็กไปตามกัน เมื่อ ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด บริษัท โพลาร์ แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือ POLAR บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากที่จู่ๆบริษัทนี้ก็ไป ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ต่อมาก็ไป ถอนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ สุดท้าย ศาลมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์โดยเด็ดขาด

ผมไม่รู้ว่า ผู้ตรวจสอบบัญชี ของบริษัทเหล่านี้ ตรวจสอบบัญชีแบบไหน ทำไม ตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. และ กรมสรรพากร จึงไม่มีใครสงสัยเลย

การยื่นขอฟื้นฟูกิจการแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของ POLAR ไม่ใช่เป็นกรณีแรก ก่อนหน้านี้ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH ก็ได้สร้างวีรกรรมแบบนี้มาแล้วด้วยการ ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ต่อ ศาลล้มละลายกลาง พร้อมกับ มูลหนี้เพิ่มขึ้นอีก 26,000 ล้านบาท

กรณีของ POLAR งบการเงินปี 2559 ที่ส่งตลาดหลักทรัพย์มีหนี้เพียง 465 ล้านบาท แต่อยู่ๆ หนี้กลับเพิ่มเป็น 5,718 ล้านบาท โดยบริษัทชี้แจงว่า เป็นหนี้จากเจ้าหนี้เดิมสมัยฟื้นฟูกิจการภายใต้ชื่อ บริษัท นครหลวงเส้นใยสังเคราะห์ จำกัด กับเจ้าหนี้อีก 3 ราย ที่ขอให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายจากการยกเลิกโครงการ 3,620 ล้านบาท จึงเป็นเหตุทำให้เชื่อได้ว่า ในอนาคตบริษัทจะขาดสภาพคล่องและขาดทุนสะสมจำนวนมาก จึงขอยื่นฟื้นฟูกิจการ

แต่แล้ว จู่ๆก็ไปยื่นถอนการฟื้นฟูกิจการ โดยไม่แจ้งสาเหตุ

วันที่ 3 สิงหาคม ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด

ลองไปดูที่มาที่ไปของ บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) กันเสียหน่อยนะครับ เห็นชื่อ โพลาริส แคปปิตัล คนก็คิดว่าเป็นบริษัทการเงิน แต่ไม่น่าเชื่อว่าบริษัทนี้ซื้อขายหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หมวดธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

...

โพลาริส แคปปิตัล เปลี่ยนชื่อมาจาก บริษัท วธน แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) ชื่อย่อในตลาด WAT และ วธน แคปปิตัล ก็เปลี่ยนชื่อมาจาก บริษัท นครหลวงเส้นใยสังเคราะห์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเส้นใยสังเคราะห์ จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ชื่อย่อ HTX บริษัทประสบปัญหาการเงิน จึงยื่นขอฟื้นฟูกิจการจนกระทั่งปี 2550 กลุ่มทุนใหม่ คือ วธน แคปปิตัล เข้าไปลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

วธน แคปปิตัล เดิมชื่อ บริษัทลีฟวิ่งแลนด์ ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เข้าไปถือหุ้นใน บริษัทนครหลวงเส้นใยฯ ช่วงที่กำลังฟื้นฟูกิจการ เมื่อศาล ล้มละลายกลางเห็นชอบให้ ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการในเดือนเมษายน 2551 บริษัทได้ยื่นขอตลาดหลักทรัพย์กลับไปซื้อขายใน หมวดอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2551 ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท ลิฟวิ่งแลนด์ แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท วธน แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) แต่ยังซื้อขายใน หมวดอสังหาริมทรัพย์ เหมือนเดิม

วันที่ 7 มกราคม 2558 ก็เปลี่ยนชื่ออีกจาก วธน แคปปิตัล เป็น บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) เปลี่ยนชื่อจนนักลงทุนจำที่มาดั้งเดิมไม่ได้ แต่ผู้บริหารยังเป็นกลุ่มเดิม แถมตลาดหลักทรัพย์ก็ยังให้ซื้อขายอยู่ใน หมวดอสังหาริมทรัพย์ เหมือนเดิม

การ เปลี่ยนชื่อบริษัทหลายซับหลายซ้อน ทำให้นักลงทุนจำที่มาของธุรกิจเดิมไม่ได้ ไม่ใช่มีแต่ โพลาริส บริษัทเดียว EARTH ก็เข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยการแบ็คดอร์ควบรวมกิจการกับ APC บริษัท แอ๊ดวานซ์ เพ้นท์ แอนด์ เคมิเคิล (ไทยแลนด์) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ

ผมคิดว่า ตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต. น่าจะแก้ไขกฎหมายบังคับให้ “บริษัทจดทะเบียน” ทุกบริษัท ต้องโชว์ “ร่างจริง” ของตัวเองออกมา ไม่ว่าจะผ่าตัดเปลี่ยนหน้าแปลงโฉมไปกี่ครั้งก็ตาม

ภาษิตไทยเขามีว่า “ดูนางให้ดูแม่ ดูให้แน่ต้องดูถึงยาย” วันนี้นักลงทุนต้องเอามาใช้ จะซื้อหุ้นต้องดูธุรกิจ จะดูให้ถึงแก่นต้องดูไปถึงผู้บริหาร บริษัทแบบนี้มีอีกเยอะ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”