สัปดาห์นี้ฟุตบอลไทยลีกหยุดพักเบรกให้กับ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ในการเตรียมสู้ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ที่จะลงเตะกันวันที่ 14 และ 16 ก.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ที่ผ่านมาไทยลีกก็มีเรื่อง “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ให้ได้กล่าวขวัญถึงอย่างมาก (อีกแล้ว)

โดยเฉพาะกรณีเหตุความวุ่นวายที่มิตรผล สเตเดียม ซึ่ง “ราชันมังกร” ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ถล่มชนะ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ที่เหลือเพียงแค่ 10 ในครึ่งหลังไปได้ขาดลอย 5-1

เกมนั้นหลังจากผู้ตัดสินเป่าจบครึ่งแรก ติอาโก คุนญา กองหน้าของชลบุรีสาดน้ำเชิงล้อเล่นใส่ “เสี่ยฟลุค” ธนวัชร์ นิติกาญจนา ผู้จัดการทีมราชบุรี แต่เสี่ยฟลุคกลับไม่เล่นด้วย เดินปรี่เข้าไปตบกบาลคุนญาอย่างแรง

ขณะเดียวกันก็มีชายชุดดำซึ่งเป็นการ์ดของสนามได้กระแทกหมัดใส่ใบหน้าหัวหอกบราซิเลียนจนเลือดไหลทะลักออกมาชนิดน่าตกใจด้วย

จากนั้นทุกอย่างก็ดูชุลมุนไปหมด สุดท้ายผู้ตัดสินชูใบแดงให้คุนญา ทุกอย่างก็เลยบานปลาย กว่าเกมครึ่งหลังจะเริ่มได้ก็ต้องล่าช้าออกไปนานนับชั่วโมง

ล่าสุดคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯได้ออกบทลงโทษคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยสั่งแบนติอาโก คุนญา ทั้งหมด 4 นัด แบ่งเป็นโทษห้ามเข้าสนาม 2 นัด และโทษจากการโดนใบแดงอีก 2 นัด พร้อมทั้งสั่งปรับเงิน 30,000 บาท

ขณะที่ “เสี่ยฟลุค” ธนวัชร์ นิติกาญจนา ถูกห้ามทำหน้าที่ 3 เดือน และพักการทำหน้าที่ 1 นัด (หลังจากแบนครบ 3 เดือน) พร้อมปรับเงินอีก 60,000 บาท ซึ่งก่อนหน้านั้น “เสี่ยฟลุค” ก็ได้แสดงสปิริตประกาศขอลดบทบาทตัวเองในทีม และจะไม่ลงไปในเทคนิคอล แอเรียของสนามไปแล้ว

...

รวมทั้งสโมสรราชบุรี มิตรผล เอฟซี ยังโดนข้อหาบกพร่องด้านการรักษาความปลอดภัยในวันแข่งขัน ถูกปรับอีก 100,000 บาท และให้สโมสรฯส่งแผนรักษาความปลอดภัย ฉบับใหม่ภายใน 15 วัน

นอกจากนี้ในวันเดียวกันคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็ยังได้มีการพิจารณาโทษในเกมไทยลีกคู่ซุปเปอร์บิ๊กแมตช์ที่ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอกับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-1 ด้วย

สืบเนื่องจากได้รับรายงานจากผู้ควบคุมการแข่งขันว่ามีป้ายผ้าเขียนข้อความไม่สุภาพอยู่บริเวณอัฒจันทร์ทิศเหนือ กลุ่ม N-Zone ซึ่งเป็นฝั่งกองเชียร์ของเมืองทอง ยูไนเต็ด

จึงสั่งลงโทษปรับกองเชียร์ของเมืองทองฯ 50,000 บาท และห้ามองค์กรสมาชิกทีมเหย้าจัดการแข่งขันในฐานะทีมเหย้า 1 นัด และยังปรับเงินสโมสรฯฐานเป็นเจ้าของสถานที่อีก 30,000 บาท

สรุปง่ายๆ คือห้ามเมืองทองฯเล่นในเอสซีจี สเตเดียม 1 นัด

พอมาถึงตรงนี้ผมในฐานะแฟนบอลคนหนึ่งมันก็ออกจะดูงงๆ หน่อย

ที่มิตรผล สเตเดียม นักฟุตบอลถูกทำร้ายถึงบนพื้นสนามหญ้าจนได้เลือด ส่วนที่เอสซีจี สเตเดียม มีแค่ป้ายผ้าของกองเชียร์ที่เขียนคำไม่สุภาพ

ลองเปรียบเทียบความรุนแรงดูสิครับว่าสนามไหนควรจะถูกแบนมากกว่ากัน

แทนที่คณะกรรมการวินัยมารยาทฯจ ะสวมบทฮีโร่เป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาจัดระบบระเบียบให้วงการฟุตบอลไทยมีมาตรฐานสากลมากขึ้นกว่าเดิม

พ่อคุณแม่คุณกลับกลายมาเล่นบทตัวตลกให้ชาวบ้านชาวช่องเขาขำขันกันจนกรามค้างซะงั้น.

พาวเวอร์บอมบ์