เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง ฝ่ายการตลาดของกูเกิลประเทศไทยออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนไทยยุคใหม่ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

สรุปใจความได้ว่าปัจจุบันนี้คนไทยมีสมาธิที่จะจดจ่อหรือสนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งสั้นลงมากกว่าเดิมเยอะเลย จากที่เคยเฉลี่ยประมาณ 12 วินาทีเหลือเพียง 8 วินาทีเท่านั้น

ตัวเลขนี้ได้มาจากการวิจัยคนไทยที่นั่งดูรายการในยูทูบโดยเฉพาะในช่วงโฆษณาก่อนจะถึงรายการเพลง หรือภาพยนตร์ หรือคลิปต่างๆ

ปรากฏว่าคนไทยจะทนดูการโฆษณาเพียง 8 วินาทีเท่านั้นจะกดทิ้งหรือกดเปลี่ยนข้ามไปเลย เทียบกับปีก่อนๆที่ยังทนได้ถึง 12 วินาที

ทำให้นักจัดทำโฆษณาทั้งหลายจะต้องใช้ฝีมือใช้สมองกันอย่างมากที่จะต้องนำเสนอเนื้อหาโฆษณาให้อยู่ภายใน 8 วินาทีที่ว่านั้น

แม้ตัวเลขนี้จะได้มาจากการดูยูทูบเท่านั้น คงจะนำไปเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศไม่ได้

แต่ผมก็เห็นว่าเป็นตัวเลขที่บ่งชี้พฤติกรรมของคนไทยในยุคดิจิทัลได้พอสมควร และหากเราไปสำรวจกับคนไทยทั้งหมด

ผลลัพธ์น่าจะออกมาในทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือคนไทยน่าจะมีสมาธิที่สั้นลงอย่างมากในปัจจุบันเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา

เหตุผลสำคัญก็มาจากความทันสมัยของระบบสื่อสารคมนาคม โดยเฉพาะระบบ อินเตอร์เน็ต ที่กลายเป็นช่องทางของการกระจายข่าวสารและรับรู้ข่าวสารที่รวดเร็วอย่างปัจจุบันทันด่วน

ทำให้คนไทยมีโอกาสรับรู้เรื่องราวต่างๆวันละหลายร้อยเรื่อง ทั้งข่าวใหญ่ ข่าวเล็ก ข่าวที่เป็นทางการ ข่าวไม่เป็นทางการ ข่าวนินทาว่าร้าย ข่าวซุบซิบ ฯลฯ

ตอนที่ยังต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ แม้จะมีข่าวแยะ แต่ถ้าเราไม่ไปเปิดเครื่องข่าวหรือเรื่องราวมันก็จะอยู่ในนั้น และประกอบกับคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีเครื่องคอมพ์ฯ ข่าวทั้งหลายจึงถูกดองอยู่ในเครื่อง โดยไม่หลั่งไหลออกมา

...

แต่พออินเตอร์เน็ตเข้ามาสู่ระบบมือถือทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะอะไรๆก็ไหลมาเข้ามือถือได้หมด รวมทั้งโซเชียลมีเดียต่างๆ
อยากรู้อะไรก็เปิดดู ทำให้คนไทยกลายเป็นนักดูข่าวและเรื่องราวในมือถือและกลายเป็นสังคมก้มหน้า อย่างที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้

การก้มหน้าอยู่กับมือถือครั้งละหลายๆนาทีหรือเป็นชั่วโมงๆ ดูเผินๆ ก็เหมือนกับว่าเรามีสมาธิอยู่กับมือถือนั้นๆ คือนั่งดูกันได้เป็นพักใหญ่ๆ

แต่เนื่องจากเรื่องที่ดูมีเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง ทำให้ต้องกดขยับไปขยับมาดูเรื่องนั้นนิดเรื่องนี้หน่อย จะไปดูนานๆก็ต่อเมื่อเจอเรื่องราวหรือคลิปที่ถูกใจเท่านั้น

สมาธิต่อเนื้อหาสาระที่หลั่งไหลเข้ามาในมือถือจึงแทบไม่มีเลย

เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สมาธิคนไทยสั้นลง โดยเฉพาะสำหรับ คนหนุ่มสาวหรือเด็กๆที่มีโทรศัพท์มือถือเป็นปัจจัยที่ 5

กลุ่มคนที่ยังมีสมาธิยาวๆอยู่ก็เห็นจะเป็นกลุ่ม สว. อย่างพวกผมนี่แหละครับที่ยังชอบดูอะไรยาวๆ อ่านอะไรยาวๆ และเวลาพูดกันก็พูดยาวๆแบบแย่งกันพูด

เด็กรุ่นใหม่มักจะพูดเร็ว ใช้คำย่อ พูด 2-3 ประโยค เปลี่ยนเรื่องซะแล้ว ที่สำคัญพูดไม่ทันไรหยิบมือถือมาดูอีกแล้ว บางทีนั่งอยู่โต๊ะเดียวกันแทนที่จะพูดกันกลับใช้วิธีส่งไลน์หากันก็ยังมี

ทำให้สันนิษฐานได้ว่าคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศไทยในอนาคตน่าจะเป็นคนสมาธิสั้นอย่างแน่นอน ส่วนว่าจะมีผลเสียหรือ ผลดีอย่างไรแก่ประเทศไทยคงจะต้องวิจัยกันต่อไปครับ

โดยส่วนตัวผมคิดว่าสมาธิที่สั้นลงน่าจะเป็นผลเสียซะมากกว่าเพียงแต่ยังนึกไม่ออกว่าจะเสียขนาดไหนเท่านั้น

ก็เลยต้องรีบเอาข่าวเรื่องคนไทยสมาธิสั้นมาบอกกล่าวกัน เผื่อว่าจะมีคนเห็นความสำคัญนำไปพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ

โดยเฉพาะรัฐบาลหรือผู้หลักผู้ใหญ่ที่ออกมาแถลงข่าว มาพูดจาปราศรัยทางทีวีบ่อยๆ จะได้รีบหาวิธีการใหม่ๆเสียแต่บัดนี้

จะมัวพูดจาเยิ่นเย้อ ชักแม่น้ำทั้ง 5 ยาวเหยียดเป็นชั่วโมง ระวังจะไม่มีใครฟังนะครับ หากคนไทยส่วนใหญ่สมาธิสั้นลงแค่ 8 วินาทีก็กดปุ่มหนีซะแล้วอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆละก็.

“ซูม”