ศุกร์ที่ 31 มีนาคม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนาม ในคำสั่ง 2 ฉบับ สั่งให้ กระทรวงพาณิชย์ และ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ สอบสวน 16 ชาติที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ รวมทั้ง ประเทศไทย ซึ่งได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ 18,920 ล้านดอลลาร์ ราว 662,200 ล้านบาท และจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าประเทศที่จงใจเอาเปรียบสหรัฐฯ ก็คงต้องจับตาดูกันว่า ผู้นำสหรัฐฯ ผู้บ้าคลั่งคนนี้ จะจัดการกับ 16 ชาติ ที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯอย่างไร เพราะ “คนที่จะเจ็บที่สุด” ก็คือ ชาวอเมริกัน นั่นเอง

ประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯมากที่สุดคือ จีน 347,000 ล้านดอลลาร์ กว่า 12 ล้านล้านบาท รองมา ญี่ปุ่น 68,900 ล้านดอลลาร์ 2.41 ล้านล้านบาท เยอรมนี 64,900 ล้านดอลลาร์ 2.27 ล้านล้านบาท เม็กซิโก 63,200 ล้านดอลลาร์ 2.21 ล้านล้านบาท ไอร์แลนด์ 35,900 ล้านดอลลาร์ 1.25 ล้านล้านบาท เวียดนาม 32,000 ล้านดอลลาร์ 1.12 ล้านล้านบาท

ผมดูรายชื่อ 16 ประเทศที่สหรัฐฯประกาศแล้ว ค่อนข้างชัดเจนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ พุ่งเป้าไปที่ จีน ที่เขามองเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง วันพรุ่งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ กับ ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ผู้นำจีน จะมีการพบกันสองต่อสองเป็นครั้งแรก เชื่อว่าคงมีการเจรจาเรื่องนี้ อีกสองประเทศที่เป็นเป้าหมายผู้นำสหรัฐฯก็คือ เม็กซิโก ที่ ทรัมป์ ขู่จะสร้างกำแพงยาว 3,000 กม. ปิดกั้นชายแดนสองประเทศ และ ไอร์แลนด์ ที่เป็นสวรรค์การเลี่ยงภาษีของบริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ

ส่วน ประเทศไทย ที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯจิ๊บจ๊อย 6 แสนกว่าล้านบาท ผมเห็นด้วยกับ คุณอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีคลัง ไทยน่าจะได้รับผลค่อนข้างน้อย เพราะไม่ใช่เป้าหมายหลัก สุดท้ายแล้วสหรัฐฯคงมีการเจรจากับ 16 ประเทศ ในลักษณะทวิภาคี

ในความเป็นจริง ถ้าประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก 16 ประเทศ เพื่อลงโทษฐานที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ ผมว่าสหรัฐฯ นั่นแหละจะตายก่อน โดยเฉพาะ ชาวอเมริกันชนชั้นกลางและคนยากจนกว่า 200 ล้านคน ที่ต้องพึ่งพาสินค้าราคาถูกจากโลกภายนอก ทุกวันนี้สหรัฐฯช่วยตัวเองไม่ได้ในด้านอุปโภคบริโภค เพราะต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯสูงมาก จึงต้องนำเข้าสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ เพื่อหล่อเลี้ยงชนชั้นกลางและชั้นล่างให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

...

นายเดวิด เฟรนซ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐฯ ได้เปิดเผยกับ สำนักข่าวซีเอ็นบีซี ว่า สินค้าในร้านค้าปลีกทั่วสหรัฐฯ 97% เป็นสินค้าที่มาจากการนำเข้า ถ้าหาก ประธานาธิบดีทรัมป์ ตัดสินใจ ขึ้นภาษีนำเข้า เพื่อลงโทษประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯจริง สินค้าในสหรัฐฯจะต้องขึ้นราคาไปอย่างน้อย 15% ผู้ค้ารายย่อยกว่า 1 ล้านแห่งจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ถึงขั้นปลดพนักงานไปจนถึงปิดกิจการ

คำสั่งของ ประธานาธิบดีทรัมป์ ทั้งสองฉบับ จึงเป็นการ ฆ่าชาวสหรัฐฯ โดยตรง

ผมชอบใจที่ คุณออง คา ชวน รัฐมนตรีช่วยการค้าและอุตสาหกรรม มาเลเซีย เพื่อนบ้านไทยที่อยู่ในลิสต์ 16 ประเทศที่ถูก ผู้นำสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีตรวจสอบ แถลงตอกหน้า ประธานาธิบดีทรัมป์ ว่า มาเลเซียไม่ใช่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ถ้าสหรัฐฯใช้มาตรการภาษีลงโทษมาเลเซีย บริษัทสหรัฐฯที่อยู่ในมาเลเซียจะได้รับผลกระทบด้วย เช่น อินเทล บริษัทผลิตชิปคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะ 53% ของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มาเลเซียส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นสินค้าที่บริษัทสหรัฐฯเข้ามาตั้งโรงงานผลิตในมาเลเซียทั้งสิ้น เพราะมาเลเซียมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่า

เห็น คุณออง คา ชวน รัฐมนตรีช่วยมาเลเซีย แถลงตอกหน้าแง ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้เกเรแล้ว ผมก็อยากเห็น คุณอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีพาณิชย์ไทย แถลงรักษาศักดิ์ศรีของประเทศไทยบ้าง อย่ายอมเป็นลูกไล่ให้ผู้นำสหรัฐฯไล่บี้ตามชอบใจ

ถ้า 16 ประเทศที่ผู้นำสหรัฐฯสั่งสอบสวน รวมหัวกันยกเลิกการค้ากับสหรัฐฯ ผมก็อยากดูว่า สหรัฐฯจะอยู่รอดไหม ผมเชื่อว่าไม่รอดแน่นอน คนจนในสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นเต็มบ้านเต็มเมือง จากราคาสินค้าที่แพงขึ้นหลายเท่าตัว ผมว่าผู้นำ 16 ชาติ ลองช่วยกันขู่กลับ เพื่อดับความบ้าคลั่งของผู้นำสหรัฐฯคนนี้เสียบ้าง ก็ดีเหมือนกันนะ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”