สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 5 ธ.ค.59 เป็นวันที่สอง โดยมี “พระพรหมมุนี” วัดราชบพิธฯ ถวายพระธรรมเทศนาเรื่อง “ความกตัญญู” ยกพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ต้องตอบแทนความรักของประชาชนด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด ขณะที่ผู้อาศัยพระบรมโพธิสมภารเป็นที่พึ่ง พึงตั้งตนไว้ในที่ “กตัญญูกตเวที” ต่อพระองค์ผู้ทรงเป็น “บุพการี” ด้วยการสืบสานพระบรมราชปณิธาน ด้านกรมศิลปากรเตรียมรับมอบไม้จันทน์หอมแปรรูปจากกรมอุทยานฯ 20 ธ.ค.นี้ จากนั้น 26 ธ.ค. พราหมณ์ประกอบพิธีตรึงหมุดกำหนดจุดกึ่งกลางจัดสร้างพระเมรุมาศ ณ ท้องสนามหลวง

ผ่านพ้นวันที่ประชาชนคนไทยทั่วหล้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้ร่วมแสดงออกถึงความ จงรักภักดี และน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีต่อปวงราษฎรมาอย่างยาวนาน เนื่องในวัน พระราชสมภพ 5 ธันวาคม 2559 พร้อมทั้งตั้งมั่น จะร่วมสืบสานพระราชปณิธานขององค์พระมหากษัตริย์ ผู้เป็นที่รักยิ่งไปตราบนานเท่านาน

บำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

โดยเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่สองในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช 5 ธ.ค.2559 เวลา 11.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพย วรางกูร เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยัง พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินออกไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เฝ้ารับเสด็จ ซึ่งภายหลังทรงประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว พระพรหมมุนี (อคฺคชิโน) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์ ถวายพระธรรมเทศนา

...

พระเทศนาเรื่องความกตัญญู

ทั้งนี้ พระพรหมมุนี (อคฺคชิโน) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา “กตัญญูกตเวทิตาคาถา” ถวายวิสัชนา ใจความว่า โดยปรกติทุกปีเป็นระยะเวลาเนิ่นนานร่วม 7 ทศวรรษ ทุกวันที่ 5 ธันวาคม ย่อมเป็นวันอุดมมงคลที่อาณาประชาราษฎร์ทุกถ้วนหน้าต่างพากันโสมนัสยินดีด้วยเป็นมงคลดิถีเฉลิมพระชนมพรรษา จัดว่าเป็นวันชาติไทย ครั้นสมเด็จบรมบพิตร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคตล่วงลับไป ย่อมยังให้เกิดความว้าเหว่โศกาดูรพูนเทวษ เพราะเหตุทรงเป็นดั่งบิดาถนอมเลี้ยงบุตร สมควรแห่งการสักการบูชาของชนทุกชั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพมายังโลกนี้เมื่อ 89 ปีก่อน เพื่อยังความเกษมสุขแก่มหาชนนิกรให้บังเกิด ทรงรับพระราชภาระในพระราชสถานะประมุขแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ และแห่งราชอาณาจักรไทย ไว้ด้วยกำลังแห่งพระราชกุศลธรรมที่ทรงดำรงมั่นเป็นปรกติวัตรแห่งพระราชจริยา คือ ความกตัญญูกตเวที พระบาทสมเด็จพระปรมินทรธรรมิกมหาราชาธิราชเจ้าพระผู้เสด็จสวรรคต ล่วงไป ทรงถึงพร้อมด้วยพระบุพเพกตปุญญตายิ่งใหญ่ ทรงสำนึกหน้าที่ของคนไทย และความเป็นเจ้านายในพระบรมราชจักรีวงศ์ต้องทรงอุทิศพละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อประชาชนชาวไทยเป็นที่สุด ดังที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระปรารภไว้ว่า “ในครอบครัวของเรา ความรับผิดชอบเป็นของที่ไม่ต้องคิด เป็นธรรมชาติ สิ่งที่สอนกันอันดับแรกคือ เราจะทำอะไรให้เมืองไทย”

ยกพระราชดำรัสแผ่นดินนี้มีคุณ

พระพรหมมุนีกล่าวอีกว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสรับรองน้ำพระราชหฤทัยของสมเด็จพระราชสวามีไว้ว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนตลอดมาว่า แผ่นดินนี้มีคุณ มีบุญคุณแก่ชีวิตของพวกเรามากมายนัก เพราะฉะนั้น ชีวิตที่เกิดขึ้นมานี้อย่าได้ว่างเปล่า จงตอบแทนให้รู้สึกตัวเสมอว่าเป็นหนี้บุญคุณแก่ชีวิตของพวกเรามากมายนัก เมื่อพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงบรมราชาภิเษก เมื่อพระชนมายุ 22 พรรษา ก็ได้ทรงเฉลิมพระมหาพิชัยมงกุฎต่อพระพักตร์พระสยามเทวาธิราชเจ้า แล้วก็ทรงกล่าวคำปฏิญาณว่าเราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรมะ โดยยุติธรรม โดยที่พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้วว่า ควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร ในภาวะอย่างไร...และบัดนี้ ข้าพเจ้าจึงได้เชื่อว่าที่ประชาชนแสดงความจงรักภักดีให้เห็นนั้นเป็นความจริงใจทั้งสิ้น อันนี้เป็นอันหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า เราต้องตอบแทนความรักของประชาชนด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะบำบัดความทุกข์ของเขา เพราะเขาเป็นหลักพึ่งพาของพระมหากษัตริย์ตลอดมา ประชาชนเป็นมิตรของพระมหากษัตริย์ มิตรนี่ให้ความหมายที่แท้จริงคือผู้ที่เอื้อเฟื้ออย่างกว้างขวาง คอยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลืออย่างลึกซึ้งกว้างขวาง และพระมหากษัตริย์ก็ไม่เป็นภัยแก่ประชาชน...ทั้งพระองค์เอง ทั้งข้าพเจ้าและลูกที่เกิดมา เกิดมาในแวดวงความรักความดูแลของประชาชน ทรงย้ำว่า ลูกที่ดีจะต้องถือตามพ่อแม่ มีความกตัญญูกตเวทีต่อชาติบ้านเมือง”

ผู้อาศัยพระบรมโพธิสมภารพึงรู้คุณ

พระพรหมมุนีกล่าวอีกว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม สมตามพระปฐมบรมราชโองการอย่างสมบูรณ์ตลอดพระชนม์ชีพ ทรงมีทศพิธราชธรรมบริบูรณ์ครบถ้วนทั้งสิบประการ ไม่มีบกพร่อง ทรงแปรเปลี่ยนความมืดมนอนธการ ให้เป็นแสงสว่างเรืองรองของประชานิกรไทยสู่สังคมโลก สมดังพระพุทธภาษิตที่ว่า บัญฑิตผู้สมบูรณ์ด้วยศีลย่อมรุ่งเรืองเหมือนไฟสว่าง ในที่ทุกสถาน พระบรมวงศานุวงศ์ เสวกามาตย์ราชบริพาร สมณพราหมณจารย์ และอาณาประชาราษฎร์ผู้ได้อาศัยพระบรมโพธิสมภารเป็นที่พึ่งมาเนิ่นนาน จึงพึงตั้งตนไว้ในที่ “กตัญญูกตเวที” ต่อพระองค์ผู้ทรงเป็น “บุพการี” ด้วยการสืบสานพระบรมราชปณิธาน ให้ความกตัญญูรู้คุณในหัวใจของคนไทยทุกคน คุณธรรมความดี ความซื่อสัตย์สุจริต และความสมัครสมานสามัคคีหยั่งดำรงคงเป็นฐานราชอาณาจักรไทย มีสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์มั่นคงอยู่ตราบนิจนิรันดร”

ทำเนียบฯอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทำเนียบรัฐบาลอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ขึ้นประดิษฐาน ณ ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมประดับตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ เบื้องล่างพระบรมฉายาลักษณ์ เหนือข้อความ “ทรงพระเจริญ” พร้อมวางพานพุ่มเงินพานพุ่มทองเพื่อถวายราชสักการะ และได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เดิมที่ประดิษฐานหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ไปประดิษฐาน ณ ด้านหน้าตึกสันติไมตรี พร้อมประดับพานพุ่มดอกไม้และเครื่องทองน้อยเป็นราชสักการะ ส่วนบริเวณรั้วกำแพงด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เจ้าหน้าที่กองงานสถานที่ ยานพาหนะและรักษาความปลอดภัย นำดอกดาวเรืองสีเหลือง สีประจำวันพระชลมวาร (วันจันทร์) หรือวันพระราชสมภพมาตกแต่ง พร้อมปรับภูมิทัศน์ตัดแต่งต้นไม้สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า สวนหย่อมหน้าตึกบัญชาการ 1 และตัดแต่งต้นมะขามริมคลองเปรมประชากร หน้าตึกไทยคู่ฟ้า

...

เผยพระมหากรุณาธิคุณ ร.10

ต่อมา นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช (รพร.) เปิดเผยว่า รพร.ทั้ง 21 แห่งนับเป็นโรงพยาบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องจากรัฐบาลในปี 2519 ได้สร้างน้อมเกล้าฯถวายในหลวงรัชกาลที่ 10 และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ รับเป็นองค์นายกกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิ รพร.โดยเสด็จฯ ยัง รพร.แต่ละแห่งอย่างน้อย 3 ครั้ง คือ วางศิลาฤกษ์ เปิดโรงพยาบาล และเยี่ยมโรงพยาบาลด้วยพระองค์เอง ซึ่งทางมูลนิธิฯสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเบื้องต้นจะหารือกับกระทรวงสาธารณสุขให้ รพร. ทั้ง 21 แห่ง จัดบริการแพทย์แผนไทย เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มที่ รพร.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ นอกจากนี้ จะทำหนังสือ รพร.4 ทศวรรษ 2 แผ่นดิน โดยมีภาพประวัติศาสตร์พระราชกรณียกิจ ซึ่งมีภาพหนึ่งที่ตนจำไม่เคยลืมเลย คือ ผอ.รพร.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราชมาประชุมร่วมกับ ผอ.รพ.สมเด็จพระยุพราชอื่นๆ พอประชุมเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ แต่ปรากฏว่า ผอ.รพ.สมเด็จพระยุพราชฉวาง ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ซึ่งยังมีลูกเล็กต้องเลี้ยงดู ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณทรงรับไว้ในพระราชานุเคราะห์ นอกจากนี้ คราวหนึ่งวันคล้าย วันพระราชสมภพ พระองค์พระราชทานข้าวสารให้ โรงพยาบาลแต่ละแห่งเพื่อให้ไปเลี้ยงประชาชนด้วย

เก็บชื่อทารกเกิดช่วงรอยต่อ 2 แผ่นดิน

นพ.จักรธรรมกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้หารือกับมูลนิธิฯว่าจะรวบรวมรายชื่อเด็กที่เกิด 9 ชั่วโมงสุดท้ายในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 และเด็กที่เกิดใน 10 ชั่วโมงแรกของรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10 แล้วประกาศให้เขารู้ว่าเป็นผู้ที่เกิดในช่วงรอยต่อ 2 แผ่นดิน จากนั้นจะดูแลสุขภาพและพัฒนาการของเด็กเหล่านี้ในช่วงก่อนวัยเรียนจนถึงเข้าเรียน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเขียนโครงการก่อนเสนอ ศ.ธานินทร์ กรัยวิเชียร ในฐานะประธานมูลนิธิ รพร.พิจารณาต่อไป เบื้องต้นจะเป็นการรวบรวมเด็กที่เกิดใน รพร.21 แห่งเท่านั้น เพราะเป็นโรงพยาบาลในการดูแลของมูลนิธิฯ

...

บำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ

ขณะที่ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ห้าสิบสี่ เวลา 07.05 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร และวัดอนงคารามวรวิหาร จำนวน 8 รูป และเวลา 16.30 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า โสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จพร้อม พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ คุณพลอยไพลิน เจนเซน และคุณสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มาบำเพ็ญพระกุศลสดัปกรณ์พระพิธีธรรมวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารและวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ความอาดูรในใจไม่จางหาย

สําหรับบรรยากาศการเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในพระบรมมหาราชวัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนมาต่อคิวเพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืด โดยผู้ที่มาถวายสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.9 ไว้แนบอกตลอดเวลา ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีทั้งสิ้น 42,884 คน รวม 36 วัน มี 1,280,359 คน และยอดเงินที่ประชาชนถวายเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล รวมทั้งสิ้น 3,606,306.25 บาท รวม 36 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 98,502,601 บาท

...

“นุ้ย” ยึดคำสอนปิดทองหลังพระ

ด้านนุ้ย-สุจิรา อรุณพิพัฒน์ นางสาวไทยปี 2544 และพิธีกรชื่อดัง หนึ่งในผู้ที่เข้ากราบพระบรมศพ กล่าวว่า เดิมทีมาช่วยเป็นจิตอาสาที่สนามหลวงอยู่หลายครั้ง ยังไม่มีโอกาสได้มากราบพระบรมศพเพราะอยากให้คนอื่นที่อยู่ไกลได้เข้าไปกราบก่อน และเมื่อช่วงเช้ามาช่วยแจกอาหารให้ทีมแพทย์อาสาที่เต็นท์แพทยสภา พบว่าแถวคนรอคิวเบาบางลง ถือเป็นโอกาสดีเลยชวนคุณพ่อคุณแม่เข้าไปกราบพระบรมศพ ตนโชคดีที่เกิดมาได้เห็นพระองค์ประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ เพื่อปวงชนชาวไทย ได้เห็นพระจริยวัตรอันงดงาม รับฟังแนวคำสอนต่างๆ แล้วซึมเข้าไปอยู่ในตัวเรา ตลอดชีวิต แม้ยังไม่มีโอกาสได้ถวายงานรับใช้ แต่เคยมารอรับเสด็จตอนที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมายังทุ่งมะขามหย่อง ซึ่งวันนั้นรู้สึกดีใจเป็นที่สุดเพราะให้ได้เห็นพระองค์ใกล้มาก เป็นภาพที่ประทับใจไว้ไม่รู้ลืม สำหรับตนยึดคำสอนการปิดทองหลังพระมาตั้งแต่เด็ก มีหลายสิ่งมากมายที่พระองค์ท่านทำเพื่อคนไทย แต่พวกเราเองก็ยังไม่รู้ เพราะท่านไม่ได้บอกใคร แม้มีบางคนนินทาหรือไม่เข้าใจ ท่านก็ไม่ตอบโต้ แต่ยังทรงงานอยู่ต่อไปตลอดพระชนม์ชีพ

ปรับภูมิทัศน์ถนนราชดำเนินใน

ส่วนการรักษาความปลอดภัย ที่บริเวณประตูทางเข้าสนามหลวงและพระบรมมหาราชวังทั้ง 8 จุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ต่างๆ คอยเข้มงวดกวดขันตรวจบัตรประชาชน เข้าเครื่องสแกนโลหะ รวมทั้งสัมภาระ และตรวจค้นร่างกายอย่างละเอียด หากตรวจพบวัตถุหรือสิ่งของมีคมก็จะถูกยึดไว้ ก่อนที่จะปล่อยให้เข้ามาภายในได้ ขณะที่บริเวณถนนราชดำเนินใน หน้าศาลฎีกา เจ้าหน้าที่ กทม.นำต้น กล้วยไม้ตระกูลหวายดอกสีขาว มาปรับแต่งภูมิทัศน์ตลอดเส้นทางไปจนถึงพระบรมมหาราชวัง สร้างความสดชื่นสวยงามให้กับประชาชนที่มารอเฝ้าฯรับเสด็จ ต่างพากันนำโทรศัพท์มือถือมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกด้วย

ขอใช้พื้นที่สร้างโรงขยายแบบ