เดี๋ยวนี้หันหน้าไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึงบิทคอยน์ บิทคอยน์ แล้วก็บิทคอยน์ อ่าว...อะไรคือบิทคอยน์ล่ะ? กลายเป็นคำถามที่มีแต่คนอยากรู้ เพราะมีข่าวว่าบางคนสามารถทำรายได้จากบิทคอยน์วันละหลายพัน-เป็นหมื่น ถือว่าไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลยจริงไหม

ไทยรัฐออนไลน์ จึงจะพาท่านไปทำความรู้จักว่าเจ้าบิทคอยน์นี้คืออะไร ทำรายได้แบบไหน เหมาะกับใคร ตามไปดูกัน


1. บิทคอยน์คือสกุลเงินรูปแบบดิจิทัลที่ใช้บนโลกไซเบอร์เท่านั้น เป็นสกุลเงินที่ไม่มีใครสามารถจับต้องได้ หรือที่เรียกกันว่า Crypto Currency ที่มีจุดเด่นคือสามารถโอนเงินให้กันได้ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ผ่านเครือข่ายแม่ข่ายของบิทคอยน์

2. พบการใช้บิทคอยน์ตั้งแต่ปี 2009 โดยผู้ที่คิดค้นระบบนี้คือชาวญี่ปุ่นชื่อซากาชิ นากาโมโต้ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าชายผู้นี้เป็นใครมาจากไหน นี่คือชื่อจริงหรือนามแฝงก็ไม่มีใครทราบได้

3. บิทคอยน์สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลไหนก็ได้ในโลกไม่ว่าจะ ดอลลาร์สหรัฐฯ บาท เยน หยวน หรืออะไรก็แล้วแต่ ฉะนั้นเราสามารถโอนเงินไปยังประเทศต่างๆ โดยแปลงเฉพาะค่าเงินได้ทันที

4. ถ้าอยากได้บิทคอยน์ จะต้องใช้ซอฟต์แวร์ชื่อ Bitcoin Mining เพื่อคำนวนสูตรคณิตศาสตร์ซับซ้อน แต่ในที่สุดแล้วจำนวนบิทคอยน์ในระบบจะมีได้เพียง 21 ล้านชุดเท่านั้น

5. สำหรับในประเทศไทย เรายังไม่มีกฎหมายรองรับว่าสกุลเงินนี้สามารถชำระหนี้ได้จริง แต่ในธนาคารโลกบิทคอยน์เริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น สามารถใช้ได้กับร้านค้าชั้นนำในอเมริกา และโรงแรมกว่า 3 แสนแห่งทั่วโลก

...

ไทยรัฐออนไลน์ เข้าใจอีกว่าเมื่อได้อ่านข้อมูลคร่าวๆ ข้างต้นไปแล้ว หลายท่านยังเกิดคำถามขึ้น ดังนั้น เราจึงสรุปข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมให้ท่านดังนี้


แตกต่างจากบัญชีธนาคารทั่วไปอย่างไร?
ผู้ใช้เพียงแค่เปิดบัญชีออนไลน์ ไม่ผ่านระบบบัญชีธนาคารทั่วไป ทำให้ไม่มีบันทึกสเตทเมนต์เหมือนกับการทำธุรกรรมทางการเงินทั่วไป พร้อมทั้งยังไม่มีค่าธรรมเนียม หรือมีแต่ต่ำมาก ส่งผลให้การทำธุรกรรมต่างๆนั้นมีต้นทุนเพียงนิดเดียว

ค่าเงินของบิทคอยน์มาจากไหน?
เมื่อสมัยก่อนมูลค่าของทองมาจากการขุดเหมืองแร่ ในทางเดียวกันบิทคอยน์ก็มาจากการขุดเหมืองแร่ในระบบคอมพิวเตอร์ การจะได้มาซึ่งบิทคอยน์นั้นก็ต้องขุดเหมืองโดยใช้ซอฟต์แวร์พิเศษเพื่อแก้โจทย์คณิตศาสตร์ต่างๆ และจะได้รับบิทคอยน์เพิ่มจำนวนหนึ่งเป็นการตอบแทน

การ์ดจอขายดี เกี่ยวอะไรกับบิทคอยน์?
เพราะในช่วงแรกนักขุดเหมืองทั้งหลายแก้โจทย์คณิตศาสตร์นี้ด้วยเครื่องโปรเซสเซอร์หรือคอมพิวเตอร์ของตัวเอง แต่พวกเขาก็ค้นพบว่าการ์ดจอเจ๋งๆ ที่เอาไว้ใช้เล่นเกมนั้นเหมาะกับการขุดเหมืองมากกว่า ถึงแม้ว่าการ์ดจอสำหรับเกมพวกนี้จะเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้เครื่องเกิดความร้อนอย่างมากขึ้น ทีนี้ก็เลยมีเทคโนโลยีที่ชื่อว่า ASIC ที่ถูกออกแบบมาเพื่อขุดเหมืองโดยเฉพาะ ช่วยให้ขุดไวและกินไฟน้อยลงแต่มีราคาแพง 

ถึงหลายคนจะมองว่าบิทคอยน์เป็นอีกช่องทางการลงทุนหนึ่งที่หาเงินมาได้อย่างง่ายๆ แต่ก็ต้องลงทุนในด้านเซิร์ฟเวอร์ และยังต้องระวังเหล่าแฮกเกอร์ไว้ให้ดี เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีใครรับประกันได้เลยว่าบิทคอยน์จำนวนนี้จะสูญหายหรือไม่ อย่าลืมว่า "การลงทุนนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน"