PCCW Limited (พีซีซีดับเบิลยู ลิมิเต็ด) ประกาศขายหุ้นสัดส่วน 26.1% ใน Viu (วิว) ให้ CANAL+ Group (คาแนล พลัส กรุ๊ป) มูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายหมุดหมายพื้นที่ให้บริการของ Viu สู่ระดับโลก ขณะที่ CANAL+ ก็ได้ขยายตลาดบุกสู่เอเชีย

สัปดาห์ที่ผ่านมา PCCW Limited (พีซีซีดับเบิลยู ลิมิเต็ด) ผู้ให้บริการโทรคมนาคม สื่อ ไอทีโซลูชันจากฮ่องกง ได้ประกาศความเป็นพันธมิตรร่วมกับ CANAL+ (คาแนล พลัส) บริษัทมัลติมีเดียสัญชาติฝรั่งเศสและช่องรายการโทรทัศน์ระดับพรีเมียม โดย PCCW Limited ขายหุ้นสัดส่วน 26.1% ที่ถืออยู่ใน Viu (วิว) ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงแบบ OTT (Over-the-top) ให้กับ CANAL+ (คาแนล พลัส) ในมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากวงเงินลงทุนรวม 300 ล้านเหรียญฯ ซึ่งจะเป็นการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายโอกาสของ CANAL+ ในการถือหุ้น Viu ถึง 51% ในระยะต่อไป

สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งระบุ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ จะส่งเสริมให้ Viu เติบโตได้มากขึ้น ผ่านเครือข่ายของ CANAL+ ที่แข็งแกร่งอยู่ในแอฟริกา ตะวันออกกลาง รวมทั้งเวียดนามและเมียนมา ขณะเดียวกัน CANAL+ ก็จะได้เสริมสร้างเครือข่ายลูกค้าผ่าน Viu ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระดับต้นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

...

แถลงการณ์จาก Viu เปิดเผยว่า Viu มีลูกค้าใช้งานสม่ำเสมอรายเดือน (Monthly Active User) กว่า 66 ล้านราย และสมาชิกแบบชำระค่าบริการ 12 ล้านราย ด้วยจุดแข็งทั้งคอนเทนต์ที่ผลิตขึ้นเอง ภายใต้แบรนด์ Viu Original (วิว ออริจินัล) ทั้งในไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และคอนเทนต์เกาหลียอดนิยมที่ Viu มีความหลากหลายและสดใหม่

รอยเตอร์ รายงานว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา Viu มีรายได้ 250 ล้านเหรียญฯ เติบโต 36% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการที่ยังไม่ผ่านการสอบทานหลังหักภาษีแล้ว Viu มีผลขาดทุนอยู่ที่ 143 ล้านเหรียญฯ ซึ่งการขายหุ้นครั้งนี้ จะช่วยเสริมกระแสเงินสดให้ Viu เดินหน้าสู่การทำกำไรได้ในที่สุด

มักซีม ซาดา (Maxime Saada) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CANAL+ Group กล่าวว่า CANAL+ คือผู้นำในตลาดยุโรปและแอฟริกา โดยกำลังวางเป้าหมายสร้างการเติบโตและพัฒนาธุรกิจในเอเชีย ซึ่งการลงทุนใน Viu ถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายนั้น

ด้านเจนิส ลี (Janice Lee) ประธานกรรมการบริหาร (CEO) ของ Viu กล่าวว่า ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างและผลักดัน Viu ไปสู่ระดับนานาชาติด้วยการเจาะตลาดที่ใหญ่ขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาใต้ โดยนอกจากการขยายเครือข่ายผ่าน CANAL+ แล้ว CANAL+ ยังจะช่วยส่งเสริมการผลิตคอนเทนต์ระดับพรีเมียม และการจัดจำหน่ายด้วย.