ทำงานคลุกคลีกับแวดวงดิจิทัลและไอที ตลอดทั้งเดือนสิงหาคมนี้ เลยได้เห็นการขยับตัวของธนาคารระลอกใหญ่ แทบจะทุกธนาคารแห่กันเปิดตัวบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค รองรับกับยุค 4.0 (ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณธนาคารแห่งประเทศไทยที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการเร่งผลักดันให้ทุกแบงก์ขยับตัวอย่างรวดเร็ว)

เมื่อวานนี้ (30 สิงหาคม) เพิ่งมีงานแถลงใหญ่ พูดถึงการผลักดัน QR Code เป็นมาตรฐานกลางการชำระเงิน มีมือถือเครื่องเดียวก็สแกนจ่ายได้ ไม่ต้องพกกระเป๋าเงินหรือเงินสดแต่อย่างใด (เหมือนอย่างที่จีนมี Alipay และ WeChat Pay ใช้กันอย่างแพร่หลาย)

ถ้านึกไม่ออกเฟื่องมีคลิปเล่าให้ฟังค่ะ

นอกเหนือจากสมรภูมิ QR Code แล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่เห็นชัดคือ การพยายามปรับโฉม Mobile App แบบยกเครื่องใหม่ แต่ละแบงก์ก็ชูจุดเด่นที่แตกต่างกันไป แต่ที่แน่ๆ คือการพยายามมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้บริโภคให้มากที่สุด และผลักดันประเทศไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society)

บทความนี้เฟื่องเลยขออนุญาตสรุปจุดเด่นของ App แต่ละธนาคาร ไล่เรียงตามลำดับการเปิดตัว App มาดังนี้ค่ะ

- ธนาคารกสิกรไทย : ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ขยับตัวเร็วด้าน Digital Banking อยู่แล้ว และเป็นเจ้าแรกที่ชิงปรับโฉมแอปใหม่ เปลี่ยนชื่อ เป็น “K-Plus” มีฟีเจอร์เด่นคือ เรียกขอ Statement จากใน App ได้เลย (ธนาคารจะส่ง Statement มาให้เราทาง Email อีกที) / และยังเปิดตัว K-Plus for SME เน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการ เป็นแอปแรกที่ตอบโจทย์การตรวจสอบความเคลื่อนไหวบัญชีของเจ้าของกิจการผ่านมือถือ

...

ศึกเดือดวงการแบงก์

- ธนาคาร UOB : เปิดตัว UOB Mighty Application จุดเด่นคือ สามารถใช้โทรศัพท์มือถือ Android รุ่นไหนก็ได้ (ที่มีเทคโนโลยี NFC) “แตะ-จ่าย” กับเครื่องรับชำระเงิน และตัดเงินจากบัตรเครดิต หรือ เดบิตได้เลย (UOB บอกว่าเป็นครั้งแรก ที่แอปฯสามารถตัดเงินจากบัตรเดบิตได้เลย ปกติจะเป็นแค่บัตรเครดิต) หน้าตาสวยงาม ใช้ง่าย พาร์ทเนอร์กับ Eatigo (บริการจองร้านอาหารแบบได้ส่วนลดพิเศษ) ลดราคาเพิ่มไปอีก เมื่อจองผ่าน App UOB Mighty

- ธนาคารไทยพาณิชย์ : เล่นใหญ่ที่สุด ใช้สำนักงานใหญ่จัดงานแถลงข่าวยักษ์ ต่อด้วยผู้บริหาร พนักงาน และดารามาเดินขบวนรอบกรุงฯต่อ ยกเครื่องแอปฯ SCB EASY ใหม่ทั้งหมด ทั้งหน้าตาแอปที่ดูทันสมัยขึ้น และเทคโนโลยีหลังบ้านที่แข็งเกร่งขึ้น ชูฟีเจอร์เด่นคือ กดเงินสด ไม่ใช้บัตร ATM / บริจาคเงินผ่านแอป / คุ้มครองความเสียหายจากความผิดพลาดของผู้ใช้งาน วงเงินสูงสุด 100,000 บาท / ฟีเจอร์เรียกเก็บเงินจากเพื่อน สร้างระบบหลังบ้านให้ในอนาคตสามารถต่อยอดพาร์ทเนอร์กับบริการไลฟ์สไตล์อื่นๆได้อย่างรวดเร็ว

- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา : ยกเครื่อง App ใหม่เช่นเดียวกัน พร้อมปรับชื่อแอปเป็น “KMA” (Krungsri Mobile Application) ปรับลุคให้ดูสนุกและวัยรุ่นขึ้น มีสาวๆ เกิร์ลกรุ๊ปมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ฉีกไปแนวไลฟ์สไตล์สดใส พร้อมทั้งยังปรับระบบหลังบ้านให้มีความเสถียร และแข็งแกร่งขึ้น รองรับการใช้งานที่จะมากขึ้นๆ เรื่อยๆ เช่นกัน

นี่เป็นแค่ตัวอย่างการปรับตัวจากทั้ง 4 ธนาคาร แต่เชื่อว่าเดี๋ยวเราคงได้เห็นธนาคารอื่นๆ ทยอยปรับโฉมหน้าแอปกันอีก

ที่เห็นแน่ๆคือ แนวโน้มที่ธนาคาร จะต้องเอาใจผู้บริโภคมากขึ้น ปรับจุดยืนจากแค่ “Mobile Banking” มาเป็น “Lifestyle App” ที่ครอบคลุมบริการหลายๆ อย่าง อนุญาตให้ผู้บริโภคสามารถปรับแต่งหน้าแอปได้ตามพฤติกรรมและความชอบส่วนบุคคล

ศึกเดือดวงการแบงก์

ปรับให้แอปมีความสามารถในการ “สแกนเพื่อจ่าย” ตอบรับเทรนด์ “สังคมไร้เงินสด” ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกร้าวแล้วว่า ไตรมาสที่ 4 นี้น่าจะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ตามข่าวเรื่อยๆ แล้วสนุกดีค่ะ เห็นความเคลื่อนไหวที่สดใสคึกคัก และที่แน่ๆ... ทั้งหมดนี้ เป็นผลประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างเรา :)

พร้อมกันไหมคะ? เปลี่ยนผ่านการจ่ายเงินมาอยู่ในมือถือทั้งหมดเลย..

ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม เพราะมาแน่ค่ะ