ธุรกิจสตาร์ทอัพ (Startup) ไม่ต่างจากธุรกิจจำนวนมากที่กำลังจะเจ๊ง เพราะโควิด-19 ระบาด จนหลายที่แทบไม่มีรายได้ นี่คือภาวะยากลำบากที่หลายบริษัทกำลังพยายามหาทางรอด

ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม นายกสมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ หรือ Thailand Tech Startup Association (TTSA) เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสตาร์ทอัพในไทย มีมากกว่า 500 บริษัท จำนวนพนักงานประมาณ 3,000 คน แม้ว่าจำนวนพนักงานไม่มาก บางบริษัทมีพนักงานหลักสิบ บางบริษัทมีประมาณ 100-200 คน แต่ส่วนใหญ่มีทักษะสูง เฉลี่ยเงินเดือนประมาณ 50,000 บาท

“หากมองในแง่รายได้ เงินสดที่จะเข้าบริษัท จำนวนมากตอนนี้รายได้เท่ากับศูนย์ กระทบกับการจ่ายค่าจ้างพนักงานแน่นอน หลายที่คาดว่ารันเวย์ยาวไม่เกิน 3 เดือน ก็จะร่วง” ดร.พณชิต กล่าวและว่า สถานการณ์ขณะนี้คือหลายที่เปิดโอกาสให้พนักงานไปทำงานอื่นก่อน หรือบางธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบ ก็จะมีการส่งต่อ แนะนำพนักงานให้ระหว่างกัน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็มีหลายที่ปรับตัวสู้วิกฤติได้ นายพณชิตยกตัวอย่างเช่น บริษัทที่เคยทำธุรกิจบริการขนกระเป๋านักท่องเที่ยว เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยว ก็ปรับรูปแบบมาบริการรับส่งผู้ป่วย หรือผู้เสี่ยงติดโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ก็ไปได้ดี หรือบางที่รับจัดงานคอนเสิร์ต ก็จัดผ่านทางไลฟ์ ออนไลน์ โดยให้ผู้ชมจ่ายเงินเพื่อรับชม เป็นต้น

“นี่เป็นตัวอย่างการคิดแบบสตาร์ทอัพ ในการทำธุรกิจบริการที่มองปัญหาของลูกค้า ว่าต้องการอะไรเป็นสำคัญ และลงมาทำโดยไม่ต้องคิดเยอะ เพราะถ้าเราแก้ปัญหาได้ ลูกค้าก็เห็นคุณค่าของบริการเรา หากทำแล้วมีปัญหาให้แก้ไขโดยเร็วที่สุด ก็มีโอกาสทำให้ธุรกิจเกิดได้ไม่ยาก” ดร.พณชิตกล่าวย้ำ

...

ย้อนไปหลายปีก่อน สตาร์ทอัพ คือทุ่งความหวังของคนรุ่นใหม่ หรือคนมีไอเดียใหม่ ที่อยากลงทุนและเติบโต จนมีกลุ่มทุน ทั้งกลุ่มทุนบุคคลทั่วไป และกลุ่มทุนจากองค์กรใหญ่มองหาสตาร์ทอัพที่มีไอเดีย และพร้อมทุ่มเงินทุนให้มากขึ้นทุกปี

อย่างปี 2555 เริ่มมีเงินลงทุนในกลุ่มธุรกิจนี้ 100 ล้านบาท ปี 2559 สูงกว่า 2,500 ล้านบาท ปี 2562 เพิ่มเป็นกว่า 2,900 ล้านบาท และปี 2563 มีการประเมินกันก่อนหน้านี้ว่าเม็ดเงินลงทุนจะสูงถึง 4,500 ล้านบาท

ต้นปี 2563 ไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีเชื้อโรคที่ชื่อโควิด-19 ระบาดหนัก สตาร์ทอัพหลายแห่งที่เกี่ยวพันกับบริการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการผลิต อสังหาริมทรัพย์ จนถึงบันเทิง กำลังแย่หนัก เพราะธุรกิจหยุดนิ่ง

เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทนโนโลยีรายใหม่ หรือ Thailand Tech Startup Association (TTSA) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลไทย เรียกร้อง 3 ข้อ ช่วยสตาร์ทอัพไทย และช่วยกันประคับประคองระบบเศรษฐกิจดิจิทัล คือ

1.ออกมาตรการสนับสนุน และผลักดันให้ใช้บริการสตาร์ทอัพไทย เพื่อช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลทางเศรษฐกิจแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้นในยุคหลังโควิด

2.มีมาตรการช่วยเหลือสภาพคล่อง เช่น การให้เงินทุน เงินกู้ผ่อนปรนกรณีพิเศษ ด้วยเงื่อนไขที่เหมาะกับธุรกิจมีการคุ้มครองพนักงานและการจ่ายเงินเดือนจ้างพนักงานที่มีทักษะสูง

3.ออกเครื่องมือเพื่อกระตุ้นการลงทุนและการควบรวมธุรกิจสตาร์ทอัพจากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ นักลงทุน และผู้ร่วมลงทุน