เปิดเทคนิคการจัดทำเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ เพียง 3 ข้อง่ายๆ การันตีสร้างสีสันให้เอกสารโดดเด่น เพิ่มโอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์จาก HR องค์กรที่หมายปอง…
หากพูดถึงการสมัครงาน...ในอดีต คนส่วนใหญ่นิยมส่งเอกสารทางไปรษณีย์ เพื่อความสะดวกในการสมัครงานโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางทั้งยังสามารถส่งไปได้หลายๆ องค์กร แต่ในยุคดิจิตอล...วิธีการสมัครงานก็เปลี่ยนแปลงไปสู่การส่งเรซูเม่ผ่านอีเมล เรื่องความสะดวกคงไม่ต้องพูดถึง ความสบายยิ่งไม่ต้องบอก และไม่ใช่เพียงคนส่วนใหญ่จะเลือกวิธีนี้ แต่อาจกล่าวได้ว่าแทบทุกคนล้วนมีประสบการณ์ในการส่งอีเมลเพื่อสมัครงานกันทั้งสิ้น!
แม้ว่าการส่งอีเมลสมัครงานนั้นสามารถทำได้ทั่วไป แต่คุณรู้หรือไม่? เรซูเม่ที่ดีนั้นควรมีลักษณะอย่างไร เทคนิคอะไรที่จะช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือ HR สนใจในตัวคุณ
สำหรับเรซูเม่ หรือ Resume นั้น คือ จดหมายแนะนำตัวในการสมัครงาน เป็นการเขียนประวัติส่วนตัวโดยย่อ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน รวมถึงความถนัด ความสามารถพิเศษ หรือเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครเอง ซึ่งการเขียนเรซูเม่ที่ดี จะช่วยให้สามารถดึงดูดความสนใจของฝ่ายทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกเรียกสัมภาษณ์หรือได้งานมากขึ้น
ซึ่งเรามีคำแนะนำจากเว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com) กับเทคนิคสำคัญ 3 ประการ ที่จะช่วยให้ HR สนใจเรซูเม่ของคุณ เพิ่มโอกาสในการถูกเรียกสัมภาษณ์หรือได้งานเพิ่มขึ้น...!
1. ข้อมูลส่วนตัว
ถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในเรซูเม่ ควรประกอบไปด้วยรูปภาพ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ประวัติการศึกษา หากอยากใส่ภาพถ่ายก็สามารถทำได้แต่ควรเป็นรูปที่เห็นใบหน้าตรงชัดเจนและแต่งกายสุภาพเรียบร้อย เนื่องจากรูปถ่ายจะเป็นสิ่งแรกที่ HR เห็นจากเรซูเม่ของผู้สมัคร นอกจากนี้ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลติดต่อกลับทั้งเบอร์โทรศัพท์ และเลือกใช้อีเมลที่ดูเป็นทางการ เช่น ชื่อ.นามสกุล@xxx.com เป็นต้น
2. ประสบการณ์การทำงาน ประสบการณ์พิเศษ
ใช้เทคนิคการเรียบเรียงข้อมูลจากปัจจุบันไปหาอดีตเสมอ สำหรับคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้วสามารถระบุได้ว่าเคยทำงานที่ไหนมาบ้าง รวมถึงขอบเขตหน้าที่ที่รับผิดชอบ และการอบรมที่เคยเข้าร่วม ส่วนนิสิต นักศึกษาจบใหม่ การระบุประสบการณ์พิเศษเป็นการช่วยให้เรซูเม่ดูน่าสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร การออกค่าย การฝึกงาน ตลอดจนการทำงาน Part-Time ทั้งนี้ประสบการณ์พิเศษจะเป็นปัจจัยสนับสนุนว่าผู้สมัครเป็นบุคคลที่มีความสามารถรอบด้านและมีความรับผิดชอบ
3. ทักษะและความสามารถ
ทักษะที่หลากหลายจะช่วยให้เรซูเม่ของผู้สมัครดูน่าสนใจและได้เปรียบคู่แข่ง ฉะนั้นผู้สมัครจำเป็นต้องค้นหาและดึงความสามารถที่เป็นจุดเด่นออกมาให้มากที่สุด โดยเฉพาะทักษะที่จำเป็นในตำแหน่งงานที่สมัครเพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งาน อาทิ ทักษะด้านภาษา ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 รวมถึงทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่จำเป็นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้
นอกจากเทคนิคข้างต้น... การทำให้เรซูเม่เป็นที่น่าประทับใจและดูเป็นมืออาชีพนั้น ควรระบุสิ่งสำคัญให้ชัดเจนอีก 3 ประการ คือ
ระบุจุดมุ่งหมายในอาชีพที่ชัดเจน
การระบุจุดมุ่งหมายในการทำงานที่ชัดเจนและสอดคล้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร เช่น ตั้งเป้าหมายระยะสั้นว่าจะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จได้อย่างไร หรือการตั้งเป้าหมายระยะยาวในช่วงเวลา 3-5 ปีข้างหน้าในเส้นทางอาชีพว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เป็นต้น เพราะถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างแรงจูงใจที่สำคัญแก่องค์กรในการเลือกรับผู้สมัครคนดังกล่าวเข้าทำงานเพื่อสร้างผลงานและขับเคลื่อนองค์กรได้ต่อไป
เขียนข้อมูลให้สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย
เรซูเม่ที่ดีควรมีความกระชับ ทั้งในแง่ของการใช้ภาษาและการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนตามหัวข้อที่กำหนด ทั้งข้อมูลส่วนตัว ประวัติการศึกษา และประสบการณ์การทำงาน เป็นต้น โดยความยาวที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 2 หน้ากระดาษ A4 ดังนั้น ผู้สมัครต้องคัดเลือกเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นกับตำแหน่งงานที่สมัคร เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเนื้อหาของเรซูเม่ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้การจัดเรียงลำดับข้อมูลจากปัจจุบันย้อนไปหาอดีต
การตั้งชื่อและการสร้างไฟล์
ถือเป็นสิ่งที่ผู้สมัครงานมักมองข้าม การตั้งชื่อไฟล์เรซูเม่อย่างมืออาชีพควรใช้ชื่อ-นามสกุลจริงของผู้สมัคร และควรระบุด้วยว่าเป็น Resume ยกตัวอย่างเช่น Resume_Name เพื่อให้ HR ทราบว่าไฟล์ที่ส่งมานั้นคือไฟล์อะไร เนื่องจากการสมัครงานแต่ละครั้งต้องมีการแนบไฟล์อื่นๆ อาทิ ไฟล์รูป ทรานสคริปต์ ฯลฯ นอกจากนี้การเลือกสร้างไฟล์ไม่ว่าจะเป็น MS Word, PDF ควรดูรายละเอียดของประกาศงานว่า HR ต้องการไฟล์ประเภทไหน แต่หากไม่ได้ระบุไว้ การเลือกใช้ไฟล์ PDF จะเหมาะสมกว่าเนื่องจากการเปิดไฟล์ประเภท MS Word นั้น มีโอกาสที่เนื้อหาซึ่งถูกจัดวางไว้จะเคลื่อนจากที่ตั้งค่าไว้.
...