"ดีแทค" ประกาศ 11 ทีมสตาร์ทอัพที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายโครงการ Dtac Accelerate ปีที่ 4 ฟาก "เอไอเอส" เปิดช่องทางใหม่ให้นำเสนอไอเดียได้ 24 ชั่วโมง ผ่านโครงการ AIS The StartUp Connect...

นายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการนวัตกรรมธุรกิจ และดีแทค แอคเซอเลอเรท บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า บริษัทได้สนับสนุนการสร้างสรรค์ผลงานของเหล่าสตาร์ทอัพไทยตั้งแต่ปี 2557 ผ่านโครงการดีแทค แอคเซอเลอเรท ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ โดยบริษัทใช้งบประมาณกว่า 50 ล้านบาทต่อปี เพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์ผลงานและทำตลาดแก่สตาร์ทอัพที่มีผลงานผ่านโดดเด่นหรือสามารถทำตลาดได้ แต่ในปีนี้มีการเพิ่มงบประมาณส่วนดังกล่าวเป็น 100 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพที่มีผลงานโดดเด่น ซึ่งในปีนี้ได้ขยายจำนวนทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย เป็น 11 ทีม จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 6 ทีม


"เราเริ่มโครงการตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันมูลค่ารวมของบริษัทสตาร์ทในโครงการมีมากกว่า 1,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตถึง 500% ทั้งยังสามารถสร้างการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติให้ลงทุนได้แล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ"

ทั้งนี้ เทรนด์การนำเสนอผลงานของสตาร์ทอัพทั่วโลก จากในอดีตจะเป็นการมุ่งสร้างสรรค์ผลงานด้านอี-คอมเมิร์ซ แต่ปัจจุบันจะมุ่งไปที่ฟินเทคและเฮลล์เทค ส่วนในอนาคตคาดว่าจะเป็นรูปแบบของเทคโนโลยี AI และ VR ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกับในประเทศไทย รวมถึงการให้บริการสตรีมมิ่งต่างๆ ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากหลังจากมีการเปิดให้บริการ 4จี อย่างเป็นทางการ

นายสมโภชน์ กล่าวอีกว่า ความสำเร็จของสตาร์ทอัพนั้น เชื่อว่ามาจากความสามารถในการตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคได้ตรงจุด คือ สามารถใช้งานเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการตอบโจทย์ด้านโมบายซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน จากการให้บริการที่แข่งขันกันด้วยวอยซ์และดาต้า แต่ปัจจุบันเชื่อว่าต้องการนวัตกรรมที่คิดออกมานำเสนอให้ลูกค้า ซึ่งการมีสตาร์ทอัพทำให้เกิดแนวคิดที่หลากหลาย

ส่วนการสนับสนุนจากดีแทคนั้น แบ่งออกเป็นเงินทุนสำหรับทีมที่ผ่านการคัดเลือก ทีมละ 500,000 บาท รวม 1.5 ล้านบาท การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดและโคเวิร์กกิ้งสเปซ ณ ชั้น 2 อาคารจามจุรี สแควร์ โดยสำหรับ 11 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในโครงการดีแทค แอคเซอเลอเรท ปีที่ 4 ได้แก่ ทีม Finnomena ทีม WearandShare ทีม Fabbrigade ทีม Savinsure ทีม Freshket ทีม Fastwork ทีม CloudCommerce ทีม Health at Home ทีม Visionear ทีม PlanforFit และทีม Eventpass ซึ่งทุกทีมจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นสตาร์ทอัพชื่อดัง

...


ขณะที่ นายสุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานบริหารผลิตภัณฑ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า บริษัทให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยมาตั้งแต่ปี 2554 ผ่านโครงการเอไอเอส เดอะ สตาร์ทอัพ การประกวดที่เปิดโอกาสให้นักคิด นักพัฒนา และผู้ประกอบการดิจิตอลหน้าใหม่ ได้เข้าร่วมเป็นดิจิตอลพาร์ตเนอร์กับบริษัท และให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทั่วไปของเอไอเอส ด้วยแนวคิดที่ว่าหากสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเอไอเอสได้ ก็สามารถให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปได้เช่นกัน

จากการรวบรวมข้อมูลการใช้บริการของลูกค้า พบว่าลูกค้าเอไอเอสมีความต้องการใช้งานบริการด้านไลฟ์สไตล์สูงสุด ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทที่ต้องการเปลี่ยนฐานะจากเซอร์วิส โพรวายเดอร์ สู่ดิจิตอล โพรวายเดอร์ บริษัทจึงต้องการนำเสนอนวัตกรรมที่สามารถตอบสนองการใช้งานผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจึงได้เปิดตัวโครงการใหม่ในชื่อเอไอเอส เดอะ สตาร์ทอัพ คอนเนค เพื่อเป็นช่องทางออนไลน์ในการเชื่อมต่อธุรกิจได้ 24 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องรอโอกาสและโครงการจัดประกวด ช่วยลดข้อจำกัดในการสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพ และสนับสนุนการนำเสนอความคิดดิจิตอลออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว

"แนวคิดของเอไอเอส เดอะ สตาร์ทอัพ คอนเนค คือเมื่อมีความพร้อมในการให้บริการคุณก็ไม่จำเป็นต้องรอ สามารถนำเสนอไอเดียได้ตลอดเวลา เพื่อให้บริการร่วมกับเอไอเอสได้ทันที ผ่านช่องทางการทำตลาดและเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดด้วยเครื่องมือสนับสนุนด้านต่างๆ จากเอไอเอส อาทิ ระบบชำระเงิน การเข้าถึงลูกค้ากว่า 40 ล้านรายของเอไอเอสด้วยช่องทางที่ง่ายทั้งการใช้งานและง่ายต่อการเข้าถึง เช่น เอสเอ็มเอส รวมถึงการขยายและสร้างการเติบโตสู่ตลาด"

นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีสตาร์ทอัพไทยที่ได้ต่อยอดความคิดและให้บริการในตลาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอินเว้นท์ หรือโครงการร่วมลงทุนกับกลุ่มอินทัช 9 ราย ได้แก่ OOKBEE, Meditech, Computerlogy, Infinity Levels Studio, Sinoze, Playbasis, Golfdigg, ShopSpot, Wongnai นอกจากนี้ยังมีสตาร์ทอัพอีกกว่า 21 บริษัทที่ยังคงพัฒนาและให้บริการอย่างต่อเนื่อง

ส่วน นายธนพงษ์ ณ ระนอง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริษัทร่วมทุน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทพิจารณาร่วมลงทุนจากภาพรวมของบริษัทที่น่าสนใจ และพยายามสนับสนุนให้เกิดการเติบโตและการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว รวมทั้งเกิดการสร้างงานในวิชาชีพที่หลากหลาย และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ภายใต้การสนับสนุนงบงบประมาณราว 200 ล้านบาทต่อปี

"ศักยภาพของสตาร์ทไทยไม่ด้อยไปกว่าประเทศใดๆ แต่ปัญหาคือยังขาดโอกาสในการเข้าสู่ตลาดอย่างแท้จริง เชื่อว่าโครงการเอไอเอส เดอะ สตาร์ทอัพ คอนเนค จะทำให้สตาร์ทอัพไทยสามารถเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น"