กลุ่มแอสเซนด์ประกาศลงทุน 5,300 ล้านบาทในปีนี้ พร้อมพัฒนาระบบใช้งานเน้นสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อขายออนไลน์พ่วงความสะดวก หวังรักษาแชมป์ 2 เว็บ Weloveshopping และ iTruemart ออเดอร์สูงสุดในตลาด…
นายสืบสกล สกลสัตยาทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้ง และเว็บไซต์ไอทรูมาร์ท เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการรีแบรนด์และพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงรองรับความต้องการของผู้ประกอบการที่ต้องการปรับตัวเข้าหาลูกค้า ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือกว่า 56% ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการใช้งานอี-คอมเมิร์ซช่องทางหนึ่ง แม้ว่าสัดส่วนการค้าปลีกออนไลน์ในไทยมีสัดส่วนเพียง 1% ของตลาดรวมค้าปลีกทั้งหมด ซึ่งมีมูลค่าราว 2 ล้านล้านบาท ขณะที่จีนมีสัดส่วน 9-11% สหรัฐอเมริกา 8% และสหภาพยุโรป 6-8%
"ปัจจุบันเราถือเป็นผู้นำด้านตลาดกลางสำหรับซื้อขายสินค้าออนไลน์ ด้วยจำนวนการสั่งซื้อสูงสุดในตลาด โดยสิ่งที่บริษัทจะให้ความสำคัญในปีนี้ คือ การสร้างแพลตฟอร์มในการเป็นศูนย์กลางให้บริการอี-คอมเมิร์ซอย่างครบวงจร เพื่อสามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า รวมถึงการให้บริการของผู้ขาย รวมถึงสร้างความมั่นใจในการใช้บริการและการกลับมาซื้อซ้ำ เนื่องจากการค้าออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ แต่บริษัทเชื่อว่าแพลตฟอร์มที่ดีและความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคจะทำให้บริการอี-คอมเมิร์ซเติบโต ซึ่งคาดว่าภายใน 5 ปีจากนี้ สัดส่วนการค้าปลีกออนไลน์ในไทยอาจมีสัดส่วนถึง 8% ได้ จากการเกิดขึ้นของผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาผลักดันตลาด รวมถึงการเติบโตในตลาดต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 50% ของเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้ง"
โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายการให้บริการเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้ง และเว็บไซต์ไอทรูมาร์ทไปยังตลาดต่างประเทศ คือ ฟิลิปปินส์ และในปีนี้บริษัทมีแผนขยายไปยังประเทศอื่นๆ อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 กลุ่มบริษัทแอสเซนด์มีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท ส่วนเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้งสามารถสร้างรายได้ 1,500 ล้านบาท และมียอดการสั่งซื้อรวม 1.5 ล้านออเดอร์ในปีที่ผ่านมา ส่วนในปีนี้บริษัทเตรียมงบประมาณรวม 5,300 ล้านบาท เพื่อลงทุนในกลุ่มแอสเซนด์ พร้อมตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 4,000 ล้านบาทในปีนี้ จาก 2,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้งจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,200 ล้านบาท จากเดิม 1,500 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้นผ่านมือถือ และการขยายพื้นที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตของผู้ให้บริการ เป็นปัจจัยสนับสนุนการใช้บริการอี-คอมเมิร์ซ
นายธีรพงษ์ วิชญเรืองรมย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดการสั่งซื้อเฉลี่ย 7,000 ออเดอร์ต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนการเติบโตประมาณ 200% โดยเฉพาะในเดือนธันวาคมที่มียอดการสั่งซื้อสูงสุดถึง 16,749 ออเดอร์
...
"ปัจจุบันเรามีรายการสินค้ากว่า 5.5 ล้านรายการ จากจำนวน 3.5 แสนร้านค้าทั่วประเทศ ภายใต้สินค้า 32 หมวดหมู่ ซึ่งสินค้าที่ลูกค้านิยมซื้อสูงเป็นอันดับ 1 คือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และแก็ดเจต รวมถึงสินค้าด้านความงาม สุขภาพ และแฟชั่น ก็เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยลูกค้ากว่า 70% เป็นผู้หญิง และเป็นการสั่งซื้อจากอุปกรณ์โมบายล์ถึง 60%"
สำหรับจุดเด่นที่ทำให้เว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้งได้รับความนิยมนั้น เชื่อว่ามาจากการเปิดโอกาสให้ผู้ขายสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ขายได้ฟรี เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในไทย ขณะเดียวกันบริษัทก็ทำหน้าที่ตัวกลางระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อเพื่อสร้างความมั่นใจในการซื้อขายผ่านบริการวีทรัสต์ การันตี (Wetrust Guarantee) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานและกลับมาซื้อซ้ำ โดยบริษัทได้เตรียมงบประมาณราว 900 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนร้านค้าบนเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้งอีก 20% ภายในปีนี้ และคาดว่าจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์จะเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปัจจุบันที่มีจำนวน 30 ล้านคนต่อปี ส่วนภาพรวมตลาดอี-คอมเมิร์ซของไทยในปีนี้ คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ราว 100% จากความนิยมในการจอง-ซื้อตั๋วเดินทางและท่องเที่ยว รวมถึงการซื้อขายสินค้าออนไลน์.