ผลการวิจัยล่าสุดของสมาคมจีเอสเอ็มพบ ระบบคมนาคมอัจฉริยะในกรุงเทพฯ ร่นระยะเวลาเดินทาง ลดการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมและการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมได้มากถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ...

รายงานวิจัยล่าสุดของสมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) ในหัวข้อ ‘รายงานการศึกษาการสร้างสังคมดิจิตอลเพื่อการคมนาคมในเอเชีย’ (Building Digital Societies in Asia: Making Transportation Smarter) พบว่าการติดตั้งระบบคมนาคมอัจฉริยะ (ITS) ในกรุงเทพมหานคร สามารถร่นระยะเวลาเดินทาง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางด้านสังคมและเศรษฐกิจได้มากถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี นอกจากนี้ กรณีศึกษาระบบคมนาคมของกรุงเทพฯ ยังบ่งชี้ว่าระบบคมนาคมอัจฉริยะ สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีในระยะยาวต่อพฤติกรรมการเดินทาง อีกทั้งกระตุ้นให้ประชาชนหันไปใช้วิธีการเดินทางที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 
นายคริส ซุล ผู้อำนวยการให้คำปรึกษาด้านความถี่ประจำทวีปเอเชีย สมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) กล่าวว่า ปัจจุบันระบบคมนาคมอัจฉริยะ (ITS) ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของประโยชน์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยช่วยยกระดับผลิตภาพ ความปลอดภัย และคุณภาพชีวิตโดยรวม โซลูชั่น ระบบคมนาคมอัจฉริยะ ถูกนำไปใช้งานทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อจัดการกับความท้าทายหลักๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการคมนาคม ทั้งนี้ ในขณะที่อัตราการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนมือถือในเอเชียนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จึงนับเป็นโอกาสอันดีสำหรับเมืองหลวงที่มีประชากรหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ ที่จะได้พัฒนาปรับปรุงระบบการจราจรให้คล่องตัวมากขึ้น เพิ่มพูนผลิตภาพ ลดการปล่อยมลพิษจากยานยนต์ อีกทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้คนที่สัญจรไปมาเพิ่มมากขึ้น

โซลูชั่นระบบคมนาคมอัจฉริยะ เป็นการบูรณาการระบบสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ากับระบบบริหารจัดการและการทำงานด้านการคมนาคมในช่องทางคมนาคมทุกรูปแบบ การใช้งานระบบคมนาคมอัจฉริยะนั้นมีตั้งแต่การให้ข้อมูลข่าวสารสำหรับนักเดินทางและการบริหารจัดการการจราจร ไปจนถึงการกำหนดราคาค่าเดินทางและระบบชำระเงิน เช่นเดียวกับความปลอดภัยของคนเดินถนนและยานยนต์ โดยโซลูชั่นระบบคมนาคมอัจฉริยะ จะคอยรวบรวมข้อมูลจากยานยนต์ โครงสร้างพื้นฐาน หรือผู้ใช้งาน เพื่อนำไปวิเคราะห์และป้อนข้อมูลกลับ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับข่าวสารและสามารถเลือกรูปแบบการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การขยายตัวของเมืองต่างๆ ทั่วโลกกำลังสร้างความกดดันให้กับเหล่านักวางผังเมืองในการทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น และขณะที่ทั่วโลกมีการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างระบบคมนาคมอัจฉริยะ จึงเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้สามารถบริหารจัดการการจราจรได้ดีขึ้น อีกทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้รับข่าวสารมากขึ้น และสามารถเลือกใช้เครือข่ายคมนาคมได้อย่างปลอดภัยกว่า เชื่อมโยงได้ดีกว่า และอัจฉริยะยิ่งกว่า

...

 
นอกจากนี้ ในรายงานล่าสุดยังเผยว่า การติดตั้งโซลูชั่นระบบคมนาคมอัจฉริยะในกรุงเทพฯ จะสามารถร่นระยะเวลาเดินทางประจำแบบไปกลับของหนึ่งคนได้ถึง 2-4 วันต่อปี นอกจากนี้ยังสามารถปรับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมาจากการจราจรบนท้องถนนได้ถึง 10–20% หรือคิดเป็น 3-5 ล้านเมตริกตันต่อปี สุดท้ายนี้ โซลูชั่นระบบคมนาคมอัจฉริยะ ยังช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ถึง 8,000 ครั้งต่อปี โดยสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ถึง 100 ราย หรือคิดเป็นเกือบหนึ่งในสี่ของยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในกรุงเทพฯ ตลอดทั้งปี 2556

โซลูชั่นระบบคมนาคมอัจฉริยะ สามารถนำไปใช้กับเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการสื่อสารทั้งแบบไร้สายและต่อสาย และเนื่องจากทั้งประชาชนและภาคเอกชนต่างเป็นฝ่ายได้รับผลประโยชน์ ระบบคมนาคมอัจฉริยะจึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากบรรดาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่างๆ (Stakeholders) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเหล่าผู้ผลิตยานยนต์ ผู้ให้บริการเครือข่ายเชื่อมต่อ เช่นเดียวกับรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ.