สัตยา นาเดลลา ซีอีโอไมโครซอฟท์ ขึ้นให้การในคดีการผูกขาดการค้นหาบนโลกดิจิทัล ต่อศาลของรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน ดีซี ยอมรับบิง (Bing) ของไมโครซอฟท์ แข่งขันกับกูเกิลยากในธุรกิจนี้

สัตยา นาเดลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมโครซอฟท์ ขึ้นให้การต่อศาลของรัฐบาลกลางในวอชิงตัน ดีซี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาคดีต่อต้านการผูกขาดของกูเกิล ในธุรกิจเสิร์ชเอนจิน 

นาเดลลา ระบุว่า กูเกิลครองส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจนี้เอาไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนสามารถกำหนดให้ผู้ลงโฆษณาต้องกำหนดเนื้อหาของตัวเองโดยขึ้นอยู่กับความต้องการของกูเกิล ส่งผลให้คู่แข่งที่มาทีหลังอย่างบิง ของไมโครซอฟท์ ตั้งหลักยากมากขึ้น หากต้องการก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับกูเกิล

ประเด็นต่อมาที่นาเดลลาถูกซักถาม นั่นคือ ข้อเสนอที่บิง ยื่นไปให้กับแอปเปิล เพื่อให้ระบบการค้นหาของบิงเป็นค่าพื้นฐาน (Default) เรื่องนี้ นาเดลลา ระบุว่า ไมโครซอฟท์ยอมขาดทุนระยะสั้นเป็นจำนวนเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับแอปเปิลจริง เพื่อให้บิงได้กลายเป็นเสิร์ชเอนจินค่าเริ่มต้นบนอุปกรณ์ของแอปเปิล 

แต่ในท้ายที่สุดแล้ว แอปเปิลเลือกที่จะเป็นพันธมิตรทางการค้าร่วมกับกูเกิล ซึ่งมูลค่ารวมของสัญญาน่าจะสูงถึง 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ในทุกๆ ปี นาเดลลา ก็มีความพยายามที่จะพูดคุยกับแอปเปิล เพื่อให้ไมโครซอฟท์ได้เป็นเสิร์ชเอนจินพื้นฐานบนอุปกรณ์ของแอปเปิล

ทั้งนี้ ข้อมูลของซิมิลาร์เว็บ เปิดเผยว่า หลังสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 กูเกิลครองส่วนแบ่งธุรกิจเสิร์ชเอนจินทั่วโลกมากถึง 90.68 เปอร์เซ็นต์ โดยอันดับสองและสามหนีไม่ห่างกันมากนัก นั่นคือ บิง และยาฮู (Yahoo) สัดส่วน 3.23 เปอร์เซ็นต์ และ 3.17 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

...

ด้วยตัวเลขที่ห่างกันมากขนาดนี้ ในการขึ้นให้การ สัตยา นาเดลลา จึงถูกถามว่า ทำไม ไมโครซอฟท์ถึงยังคงอยู่ในตลาดเสิร์ชเอนจินต่อไป แม้จะมีส่วนแบ่งที่ห่างจากกูเกิลมากถึงขนาดนี้ 

นาเดลลา กล่าวว่า ไมโครซอฟท์ยังคงมองว่าบริษัทยังมีโอกาสที่จะเขย่าตลาดเสิร์ชเอนจินได้ รวมถึงยังเชื่อว่าน่าจะมีโอกาสเหลือที่จะให้สอดแทรกในธุรกิจนี้ นั่นจึงทำให้ไมโครซอฟท์ยังคงยืนหยัดต่อไปกับอุตสาหกรรมค้นหาบนโลกดิจิทัล

ส่วนแบ่งตลาดเสิร์ชเอนจิน
ส่วนแบ่งตลาดเสิร์ชเอนจิน

นอกจากนี้แล้ว ซีอีโอไมโครซอฟท์ มองว่า การมีบิงอยู่ในตลาดยังช่วยให้อุตสาหกรรมนี้เกิดการแข่งขัน เท่านั้นไม่พอ นาเดลลา ระบุด้วยว่า นับตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามาเป็นซีอีโอในปี 2014 สิ่งที่เขาพุ่งสมาธิไปก็คือ การทำให้บิงมีผลกำไรที่ดี แล้วนำกำไรนั้นไปลงทุนเพิ่มเติม

ตัวเลขการลงทุนเฉพาะหน่วยธุรกิจที่มีชื่อว่า บิง น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา

ทางด้านความสำคัญของการเป็นค่าเริ่มต้น มันไม่ได้มีแค่เรื่องของการดึงดูดการใช้งานของผู้ใช้งานอย่างเดียวเท่านั้น แต่ผู้ให้บริการจะได้รับข้อมูลที่เข้ามาช่วยปรับแต่งและให้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้นด้วย

ความสำเร็จของบิงส่วนใหญ่ ควรต้องกล่าวว่า มาจากผู้ใช้งานไมโครซอฟท์ เอดจ์ (Microsoft Edge) ซึ่งเป็นเว็บเบราว์เซอร์ของไมโครซอฟท์เอง โดยตั้งค่าบิงเป็นค่าเริ่มต้น ทั้งนี้ ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีที่ใช้ไลเซนส์ระบบปฏิบัติการ Windows เลือกที่จะติดตั้งเอดจ์เอาไว้ล่วงหน้า เป็นเพราะว่าถ้าหากผู้ผลิตพีซีติดตั้งแอปพลิเคชันดังกล่าว พวกเขาจะได้รับส่วนลดค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ต่างๆ จากไมโครซอฟท์ไปในตัว

ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ มีความพยายามที่จะท้าทายกับกูเกิลในลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะการทำความร่วมมือกับโอเพนเอไอ (OpenAI) ผู้พัฒนา ChatGPT ยกระดับความสามารถของบิงให้เก่งกาจมากขึ้น

ที่มา: CNBC

ภาพ: AFP