ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือน Health Lab ซึ่งเป็นห้องทดลองที่ออกแบบมาเพื่องานวิจัยและพัฒนาด้านกีฬาและสุขภาพของหัวเว่ย (Huawei) 

Health Lab ของหัวเว่ย ตั้งอยู่ในพื้นที่ทะเลสาบซงซาน เมืองตงกวน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีพื้นที่สำหรับการทำงานวิจัยมากถึง 4,680 ตารางเมตร

นอกเหนือจากห้องแล็บที่เมืองตงกวนแล้ว หัวเว่ยยังมีห้องแล็บอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นเมืองซีอาน ประเทศจีน ซึ่งเป็นแล็บที่เน้นการพัฒนาด้านความอึดคงทนของนาฬิกา เมื่อต้องเผชิญกับการทดสอบทั้งความร้อน และการตกหล่นจากที่สูงในระดับต่างๆ และอีกแห่งหนึ่งอยู่ที่ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งทำหน้าที่พัฒนาเซนเซอร์โดยเฉพาะ

Huawei Health Lab
Huawei Health Lab

หากนับเฉพาะห้องปฏิบัติการในตงกวน หัวเว่ยใช้เงินลงทุนมากถึง 1 พันล้านบาท โดยมีเป้าหมายสำหรับการทำวิจัย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งมอบสมาร์ทวอตช์ไปยังข้อมูลของผู้ใช้งาน

...

ข้อมูลจากผู้บริหารของหัวเว่ย ระบุว่า สมาร์ทวอตช์ภายใต้แบรนด์หัวเว่ย ถือเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของประเทศจีน ขณะที่ตัวเลขในระดับโลก หัวเว่ยมีการส่งออกสมาร์ทวอตช์ไปแล้วมากกว่า 110 ล้านชิ้น และมีผู้ใช้งานทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 430 ล้านคน 

จากการเป็นอันดับหนึ่งในประเทศจีน และมีตัวเลขผู้ใช้งานทั่วโลกหลายร้อยล้านคน กุญแจความสำเร็จที่ทำให้หัวเว่ยไขประตูใจ แล้วนั่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ผู้สวมใส่สมาร์ทวอตช์เลือกซื้อนั้น หัวเว่ย เชื่อว่า มาจากแนวทางการพัฒนาสมาร์ทวอตช์ที่ตอบโจทย์ต่อทุกไลฟ์สไตล์ แล้วผสานเป็นหนึ่งในเดียวชีวิตประจำวันอย่างไร้รอยต่อ อีกทั้งสมาร์ทวอตช์ของหัวเว่ย ไม่ได้ตอบโจทย์เฉพาะแค่คนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เซนเซอร์ด้านสุขภาพก็มีความแม่นยำ รองรับการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันยอดนิยมทั่วโลก รวมถึงการอัปเดตสิ่งใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น การรองรับกีฬาประเภทอีสปอร์ต (E-sports) ฯลฯ

นอกจากนั้นแล้ว หัวเว่ยมองว่า พวกเขากุมความได้เปรียบจากการมีระดับราคา (Price Range) ที่กว้างมาก เมื่อผู้บริโภคมองมาที่แบรนด์หัวเว่ย สามารถเลือกเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีระดับราคาแค่ 1,000 บาท ไปจนถึงระดับไฮเอนด์ที่มีมูลค่ากว่า 30,000 บาท 

แม้เป็นความจริงอยู่ว่า คู่แข่งของหัวเว่ยก็อาจมีผลิตภัณฑ์ที่ดีมากๆ แต่ก็ไม่อาจทำระดับราคาได้แบบหัวเว่ย ทำให้มีผู้บริโภคเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงหรือซื้อหาเป็นเจ้าของสินค้าเหล่านั้นได้

ปัจจุบัน หัวเว่ยมีสมาร์ทวอตช์ 5 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ Ultimate ซึ่งมีความพรีเมียมในด้านวัสดุประกอบงาน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี ที่ล้ำหน้าที่สุดของหัวเว่ย

สมาร์ทวอตช์ภายใต้แบรนด์หัวเว่ย
สมาร์ทวอตช์ภายใต้แบรนด์หัวเว่ย

Smart technology เป็นกลุ่มที่ใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน มีฟีเจอร์ด้านสุขภาพ ต่อมาเป็น Classic versatility ที่มีหน้าตาของนาฬิกาในรูปแบบคลาสสิก มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน และทนทานในทุกสภาพอากาศ 

ต่อด้วย Fashion trends ซึ่งเน้นสีสัน พกพาง่าย และ Healthcare จับกลุ่มด้านสุขภาพโดยเฉพาะ เหมาะกับการใช้มอนิเตอร์ผู้สูงอายุ และเด็ก 

เมื่อย่างเท้าเข้ายัง Huawei Health Lab สิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือ ลู่วิ่งสีส้ม หรือ The 3D force measurement area ซึ่งเป็นลู่วิ่งที่ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลของแรงที่กระทำต่อพื้น สามารถแยกได้ว่าแรงที่กระทำนั้นเป็นแรงที่มาจากการวิ่งสปรินต์ (Sprint), แรงจากการกระโดด อีกทั้งแยกแยะได้ว่ามีการเปลี่ยนทิศทางการวิ่งหรือไม่ โดยภาพใต้พื้นลู่วิ่งนี้มีชิปเซตบันทึกข้อมูลเป็นการเฉพาะ โดยตัวเลขที่ได้มาก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการวิจัยตามแนวทางของหัวเว่ยต่อไป

ลู่วิ่งที่ฝังชิปเซตสำหรับบันทึกข้อมูลการวิ่ง
ลู่วิ่งที่ฝังชิปเซตสำหรับบันทึกข้อมูลการวิ่ง

...

ตามที่กล่าวไปข้างต้น Health Lab สาขาตงกวน มีพื้นที่ครอบคลุม 4,680 ตารางเมตร จึงทำให้หัวเว่ยสามารถบรรจุเครื่องไม้เครื่องมือของอุปกรณ์หลายชนิดกีฬา ไล่ตั้งแต่การเป็นคอร์ตบาสเกตบอล ที่แปรสภาพไปเป็นคอร์ตแบดมินตันได้, มีหน้าผาจำลองสำหรับกีฬาปีนผา ซึ่งมีความสูง 10.5 เมตร, มีโซนของเวตเทรนนิง (Weight Training) ที่รองรับทั้งการฝึกฝนแบบฟรีเวต (Free Weight) และแมชชีน (Machine) ไปจนถึงห้องแล็บที่จำลองสภาพแวดล้อมในระดับความสูงระดับ 6,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เพื่อวัดว่าความอิ่มตัวของออกซิเจนส่งผลต่อร่างกายมนุษย์อย่างไรบ้าง

หน้าผาจำลองขนาดความสูง 10.5 เมตร
หน้าผาจำลองขนาดความสูง 10.5 เมตร

...

อุปกรณ์เวทเทรนนิง
อุปกรณ์เวทเทรนนิง
อุปกรณ์เวทเทรนนิง
อุปกรณ์เวทเทรนนิง

ในบริเวณใกล้เคียงกันมีห้องวิจัยด้านเทเบิลเทนนิส (ปิงปอง) โดยมีหุ่นยนต์สำหรับเสิร์ฟลูกราวกับเป็นโค้ชมืออาชีพ เพื่อจำลองรูปแบบการเสิร์ฟลูกปิงปองที่มีหลากหลายกว่า 1,000 รูปแบบ 

...

ห้องแล็บสำหรับการพัฒนากีฬาเทเบิลเทนนิส
ห้องแล็บสำหรับการพัฒนากีฬาเทเบิลเทนนิส

อย่างที่ทุกคนทราบ กีฬาปิงปองเป็นหนึ่งในกีฬายอดนิยมของชาวจีน จึงทำให้มีการวิจัยและพัฒนากีฬาชนิดนี้อย่างเข้มข้น ดังนั้นแล้วก่อนที่สมาร์ทวอตช์ของหัวเว่ยจะรองรับการทำงานของกีฬาปิงปอง จึงต้องมีการวิเคราะห์การทำงานของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง เช่น กล้ามเนื้อขา และกล้ามเนื้อแขน ซึ่งเวลาที่ตีปิงปอง กล้ามเนื้อแขนจะมีทั้งส่วนที่เกร็งแขนกับไม่เกร็งแขน 

ดังนั้นแล้ว เซนเซอร์ที่อยู่ในสมาร์ทวอตช์ต้องฉลาดพอที่จะแยกแยะการทำงานของกล้ามเนื้อ จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าถึงที่สุดแล้วหัวเว่ยจึงมีโหมดการออกกำลังกายแยกย่อยออกมาเป็นจำนวนมาก เพราะการทำงานของกล้ามเนื้อของกีฬาแต่ละชนิดกีฬามีความแตกต่างกันนั่นเอง

ต่อมาเป็นห้องแล็บสำหรับวิจัยและทดสอบการว่ายน้ำแบบไดนามิก ซึ่งกล่าวได้ว่า เป็นลู่วิ่งใต้น้ำก็คงไม่ผิดนัก เพราะสามารถปรับความเร็วและความแรงของน้ำได้ ด้านล่างมีกล้องใต้น้ำทำหน้าที่บันทึกท่าทางการว่ายน้ำ เพื่อนำไปวิเคราะห์ท่าทางการว่ายน้ำต่อไป แต่น่าเสียดายว่าอยู่ระหว่างการปิดปรับปรุงชั่วคราว

ห้องแล็บสำหรับวิจัยและทดสอบการว่ายน้ำแบบไดนามิก
ห้องแล็บสำหรับวิจัยและทดสอบการว่ายน้ำแบบไดนามิก

ถัดไปเป็นห้องวิจัยกีฬาแบบมัลติฟังก์ชัน (Multifunctional sports) ในลักษณะที่มีความลาดชันต่างกัน สำหรับกีฬาวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือแม้แต่สเกตบอร์ด โดยมีกล้องจำนวน 10 ตัว คอยจับท่วงท่าการเคลื่อนไหวทั้งหมด

ห้องแล็บด้าน Multifunctional sports
ห้องแล็บด้าน Multifunctional sports

ห้องถัดไปเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการวิจัยกีฬากอล์ฟ ซึ่งมีกล้องคอยบันทึกวงสวิง (Swing), ความเร็ว ความแม่นยำ และการให้คะแนนในการตีว่าอยู่ในระดับเกณฑ์ดีหรือไม่

นอกจากนี้แล้ว บริเวณพื้นที่ตรงกลางของห้องแล็บยังมีกล้องอินฟราเรดความเร็วสูงจำนวน 28 ตัว เพื่อใช้วิเคราะห์และจับการเคลื่อนไหวของนักกีฬา (Human motion) ให้แม่นยำที่สุดครบถ้วนทุกมุม 360 องศา สำหรับการนำไปต่อยอดพัฒนาให้เป็นสมาร์ทวอตช์ต่อไป และยังมีพื้นที่ด้านวิจัยเกี่ยวกับสรีรศาสตร์ของนักกีฬา สำหรับมอนิเตอร์ข้อมูลจำพวก VO2 Max, การบริโภคแคลอรี, เมตาบอลิซึม (Metabolism) และอัตราการเต้นของหัวใจ ผ่านอุปกรณ์ที่เป็นลู่วิ่ง (Treadmill) คุณภาพสูง, สายคาดอกวัดระดับชีพจร

ข้อมูลจากห้องแล็บทั้งหมด จะถูกนำไปต่อยอดพัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบนิเวศต่างๆ (Ecosystem) โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable Device) ที่มีความทันสมัย มอบประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้สวมใส่ รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชัน Huawei Health

ในภาพรวม Huawei Health Lab ถือเป็นห้องปฏิบัติการด้านสุขภาพที่มีขนาดใหญ่ มีความน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ อุปกรณ์แต่ละชนิดเห็นแล้วรู้สึกชวนว้าว โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นพิเศษ ซึ่งคงเป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการเฉพาะทางด้านสุขภาพที่ล้ำหน้ามากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียคงไม่ผิดนัก