ทิม คุก ถือเป็นบุคคลระดับตำนานของแอปเปิล จนปฏิเสธไม่ได้ว่าเขายืนอยู่ในระดับเดียวกับสตีฟ วอซเนียก และสตีฟ จ็อบส์ สองผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิล โดยผลงานเด่นสำคัญของคุก ก็คือการทำให้แอปเปิลกลายเป็นบริษัทที่มูลค่าหลักล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้สำเร็จ
ในปี 1998 ทิม คุก ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นคือ การทิ้งตำแหน่งรองประธานฝ่ายวัสดุของคอมแพค (Compaq) เพื่อไปร่วมงานกับบริษัทที่กำลังเหมือนเรือที่กำลังจะจมอย่างแอปเปิลหรือไม่
วันนั้น ทิม คุก ยอมรับว่า เขาต้องฟังสิ่งที่เรียกว่าสัญชาตญาณ ไม่ใช่สมองซีกซ้าย ทันทีที่ถูกสตีฟ จ็อบส์ สัมภาษณ์งานในระยะเวลาไม่ถึง 5 นาที การพูดคุยในวันนั้น คุกได้โยนความระแวดระวังและความคิดเชิงตรรกะทั้งหมดทิ้งไปกับสายลม เพื่อร่วมงานกับแอปเปิล ซึ่งสัญชาตญาณรู้เป็นอย่างดีว่า การร่วมงานกับแอปเปิลเป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต อีกทั้งยังได้ทำงานร่วมกับอัจฉริยะด้านความคิดสร้างสรรค์ พร้อมกับได้อยู่ในทีมบริหารที่สามารถพลิกฟื้นบริษัทอเมริกันที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ได้
กาลเวลาต่อมาชี้ชัดแล้วว่า ทิม คุก ตัดสินใจถูกที่มาร่วมงานกับแอปเปิล เพราะปัจจุบันชื่อของคอมแพคก็ถูกลบไปจากตลาดคอมพิวเตอร์ในปี 2013 แล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของเอชพี (HP) หรือฮิวเลตต์-แพคการ์ด (Hewlett-Packard)
...
ตำแหน่งแรกของทิม คุก ในแอปเปิล คือการทำหน้าที่เป็นรองประธานอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการทั่วโลก ซึ่งการเข้ามาของคุก ทำให้แอปเปิลมีซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นคีย์แมนคนสำคัญที่ทำให้แอปเปิลควบคุมต้นทุนไม่ให้บานปลาย และสร้างผลกำไรอันมหาศาลให้แก่บริษัท
จากนั้นในเดือนมกราคม 2007 ทิม คุก ได้ขยับมาเป็นผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ และได้ก้าวขึ้นเป็นซีอีโอรักษาการแทนที่สตีฟ จ็อบส์ ซึ่งต้องพักตัวรักษาจากอาการป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อน
ความสัมพันธ์ระหว่างทิม คุก และสตีฟ จ็อบส์ เป็นไปอย่างยอดเยี่ยมมากๆ ครั้งหนึ่ง คุก เคยบอกว่า จ็อบส์เป็นเพื่อนและครูที่ดีของเขา จนถึงทุกวันนี้เขายังคงคิดถึงจ็อบส์เสมอ แม้ว่าจ็อบส์จะไม่อยู่แล้วก็ตาม แต่จิตวิญญาณของชายที่ชื่อว่า สตีฟ จ็อบส์ ยังคงสถิตอยู่ที่แอปเปิลเสมอ “DNA ของจ็อบส์ ก็คือ DNA ของแอปเปิล”
เมื่อถามว่า จ็อบส์ทราบหรือไม่ว่า คุก เป็นเกย์ คำตอบของเรื่องนี้คือ ชายผู้เป็นตำนานแห่งแอปเปิลทราบเป็นอย่างดี เพราะด้วยตำแหน่งแห่งหนของสำนักงานใหญ่แอปเปิลตั้งอยู่ในคูเปอร์ติโน แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการขับเคลื่อนสิทธิความเท่าเทียมทางเพศมานาน ครั้งหนึ่งสตีฟ จ็อบส์ ก็เคยประกาศว่า ไม่ต้องการทำธุรกิจหรือเปิดสำนักงานในรัฐที่กีดกันความหลากหลายทางเพศ ดังนั้นแล้วเรื่องเพศสภาพก็ไม่เคยถูกมองมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ในวันที่ ทิม คุก ขึ้นมาเป็นซีอีโออย่างเป็นทางการในปี 2011 การบริหารของคุก ภายใต้บริษัทใหญ่อย่างแอปเปิล มีหมุดหมายที่น่าสนใจ นั่นคือ การทำให้แอปเปิล มีมูลค่าบริษัทมากถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นบริษัทแรกของสหรัฐอเมริกา
หลังจากนั้นทั่วโลกก็เริ่มหันมาจับจ้องชายที่ชื่อว่า ทิม คุก มากขึ้น จนได้รับการขนานนามให้เป็นหนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก
ทิม คุก ได้ตอบประเด็นนี้กับไทยรัฐออนไลน์ว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่การเป็นตัวของตัวเองมากกว่า เพราะตัวเขาไม่ได้เป็นนักแสดง ดังนั้นความสำคัญอยู่ที่การไปทำงานให้ดีในทุกๆ วันเท่าที่จะทำได้ รวมถึงพยายามนึกถึงเสมอว่า เราได้อยู่เพื่อมอบสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง ถ้าทำตัวแบบนี้ เสมอต้นเสมอปลายชีวิตน่าจะมีความสุขมากกว่า
จากนั้นประเด็นที่ทำให้ทิม คุก ได้รับการพูดถึงอีกครั้งจากทั่วทุกมุมโลก คงหนีไม่พ้นวันที่บทความซึ่งเผยแพร่ในบลูมเบิร์ก บิสเนสวีค เมื่อปี 2014 จากบทความที่มีชื่อว่า Tim Cook Speaks Up โดยมีความตั้งใจหลักก็คือ เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนที่โดดเดี่ยวและกำลังประสบปัญหาเรื่องเพศสภาพ
ทิม คุก ระบุในบทความว่า ตลอดชีวิตการทำงานของเขา เขาพยายามรักษาความเป็นส่วนตัวพื้นฐานมาโดยตลอด แต่เขาเชื่อมั่นในคำพูดของ ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ศาสนาจารย์และนักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ซึ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่า คำถามที่เร่งด่วนและเกิดขึ้นมายาวนานที่สุดในชีวิตมนุษย์คือ “คุณทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง” และเขาก็พบว่า การรักษาความเป็นส่วนตัวของเขา ฉุดรั้งไม่ให้เขาทำบางสิ่งบางอย่างที่มีความสำคัญ
...
หลายปีที่ผ่านมา เขาเปิดเผยเรื่องเพศของเขากับคนมากมาย เพื่อนร่วมงานในแอปเปิลมากมายรู้ว่าเขาเป็นเกย์ และพวกเขาก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาแตกต่างออกไป แม้ว่าเขาไม่เคยปฏิเสธว่าตัวเองเป็นเกย์ แต่เขาก็ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงขอพูดให้ชัดเจน ว่าเขาภูมิใจที่เป็นเกย์ และคิดว่าการเป็นเกย์คือหนึ่งในของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าประทานมาให้เขา
ทิม คุก กล่าวว่า หากการเปิดเผยว่าซีอีโอของแอปเปิลเป็นเกย์ สามารถช่วยเหลือใครบางคนที่กำลังประสบปัญหาว่าตัวเขาหรือเธอเป็นใคร หรือปลอบประโลมใครก็ตามที่รู้สึกโดดเดี่ยว หรือเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่ยืนหยัดในความเสมอภาคของตนเอง มันก็คุ้มค่าที่จะแลกมันกับความเป็นส่วนตัวของเขาเอง
ควรต้องกล่าวด้วยว่า โดยปกติแล้ว ผู้บริหารระดับสูงหรือมีตำแหน่งเป็นถึงซีอีโอของบริษัทใหญ่ มักห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง อีกทั้งยังต้องสู้กับแรงเสียดทานจากคนกลุ่มอนุรักษนิยม ซึ่งอาจเป็นนักลงทุนใหญ่ของบริษัทนั้น อาจไม่ให้การยอมรับในเรื่องเพศสภาพ มีอยู่ไม่น้อย จึงอาจกล่าวได้ว่า ทิม คุก เป็นซีอีโอของบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นคนที่มีต้นทุนทางสังคมสูงมาก ยอมเสียสละในเรื่องนี้
...
การที่ ทิม คุก เปิดเผยตัว น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนในสังคมได้เห็นว่า แม้แต่คนที่เป็นผู้บริหารหมายเลขหนึ่งของบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ก็ยังเป็นเกย์ นั่นแปลว่า “เพศ” ไม่เกี่ยวข้องกับศักยภาพ และคนทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ โดยที่ไม่มีเรื่องเพศมาจำกัดกรอบของความสามารถแต่อย่างใด
