เชื่อว่าผู้ที่ติดตามแวดวงสมาร์ทโฟนมานานคงทราบเป็นอย่างดีว่า แบรนด์สมาร์ทโฟน Honor ครั้งหนึ่งเคยเป็นแบรนด์ลูกภายใต้การดูแลของหัวเว่ยมาก่อน
ในช่วงที่แบรนด์ Honor ยังเป็นแบรนด์ลูกของหัวเว่ย ถือว่า Honor เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง (mid-range) มีกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่น และมีกำลังทรัพย์ไม่สูงนัก
กระทั่งแรงกดดันมหาศาลจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อหัวเว่ย จึงทำให้แบรนด์ Honor ถูกขายออกไปให้บุคคลที่สามอย่าง Shenzhen Zhixin New Information Technology ก่อนที่จะกลับเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการวางจำหน่าย Honor 70, Honor X6, Honor Pad 8 และ Honor Band 6
การกลับมาของแบรนด์ Honor พวกเขายังคงเน้นการเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางเช่นเคย โดยในรุ่น Honor 70 ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดจากที่เปิดตัวมาทั้งหมดในลอตล่าสุด

...
ในภาพรวมควรต้องกล่าวว่า Honor 70 แม้เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางก็จริง แต่ก็ยังเป็นสมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาได้ดี มีความเพรียวบาง โฉบเฉี่ยว อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบ OLED ที่มีความโดดเด่น สะดุดตาพอใช้ได้เลยทีเดียว
การออกแบบของ Honor 70
คงต้องกล่าวว่า Honor 70 ออกแบบมาได้ดีทีเดียว ตัวเครื่องไม่ได้มีน้ำหนักที่มากเกินไป (178 กรัม) การออกแบบชวนมอง น่าประทับใจ มีความหรูหรา ตัวเครื่องมีความบาง (7.9 มม.) อีกทั้งการออกแบบพื้นที่จัดวางในส่วนของกล้องถ่ายภาพ ยังมีการจัดวางที่ดีกว่าสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์หลายต่อหลายรุ่นด้วยซ้ำ

ด้านหลังของตัวเครื่องมีลวดลายเพชร สะท้อนแสง แวววาว แลดูมีความตั้งใจในการออกแบบมากกว่าสมาร์ทโฟนระดับกลางที่อยู่ในท้องตลาดทีเดียว ในด้านการออกแบบอาจมีข้อเสียนิดหน่อยตรงที่ไม่ได้รองรับค่ามาตรฐานกันน้ำ-กันฝุ่นใดๆ เลย แต่ถ้ามองตามหลักการว่า Honor 70 เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง การที่จะไม่มีความสามารถทำนองนี้ ก็ดูจะเป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้
ในส่วนหน้าจอตามที่กล่าวไว้ข้างต้น Honor 70 ใช้หน้าจอแบบ OLED รองรับสีจำนวน 1 พันล้านสี รีเฟรชเรตสูงสุดที่ 120Hz หน้าจอก็มีขนาดใหญ่ตามสมัยนิยมที่ 6.7 นิ้ว อันที่จริงในส่วนนี้ ควรกล่าวด้วยว่า สเปกนี้ให้เกินกว่าความเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางไปมากแล้ว

อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ Honor 70 มีความละเอียดจอที่ Full HD เท่านั้น ดังนั้นแล้วความคมชัดของหน้าจอ จึงยังคงเทียบไม่ได้กับสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ (และไม่ควรจะเทียบด้วย)
การถ่ายภาพ
การออกแบบการจัดวางตัวกล้องได้สวยมากๆ ลงตัวและสวยงาม โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์บางรุ่นที่จัดวางกล้องได้ไม่สวยเอาเสียเลย หรือในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลางด้วยกัน
Honor 70 มีกล้องหลังด้วยกันทั้งสิ้น 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก 54 ล้านพิกเซล แบบกล้องไวด์ f/1.9 ขนาดเซนเซอร์ที่ 1/1.49 นิ้ว
...

กล้องตัวที่สองเป็นอัลตราไวด์ 50 ล้านพิกเซล f/2.2 มุมมองกว้างประมาณ 122 องศา และกล้องวัดระยะความลึก 2 ล้านพิกเซล f/2.4 ซึ่งช่วยในการถ่ายภาพบุคคล
ในด้านเทคนิค Honor 70 ระบุว่า ได้มีการใช้เทคโนโลยีของพวกเขาเองที่มีชื่อว่า HONOR Image Engine ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้การประมวลผลของภาพดีขึ้น เพื่อให้การถ่ายภาพดูดีในทุกสภาวะ มีรายละเอียดและแสงที่เป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ในสภาวะแสงน้อยก็ยังคงเป็นปัญหาพอสมควร
สำหรับกล้องหน้าแบบเซลฟี่ ให้มาที่ 32 ล้านพิกเซล แบบกล้องไวด์

...



...
ประสิทธิภาพของ Honor 70
การทำงานในภาพรวมของ Honor 70 ไม่มีปัญหาหรือความผิดปกติใดๆ ทุกอย่างไหลลื่น ทั้งการใช้งานประจำวัน ในรูปแบบของโซเชียลมีเดีย การดูคลิปจากยูทูบ รวมถึงการเล่นเกม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชิปเซต Qualcomm Snapdragon 778G+ 5G ซึ่งเป็นชิปที่มีคุณภาพดี (ในระดับกลาง) อยู่แล้ว จึงช่วยให้การใช้งานไหลลื่น พอเหมาะพอเจาะกับคุณภาพและราคาของตัวเครื่อง


แต่สิ่งที่ไม่ค่อยชอบนัก คงเป็นเรื่องของอินเตอร์เฟสของ Honor 70 ซึ่งเรียกว่า Magic UI 6.1 โดยสาเหตุสำคัญที่ไม่ชอบก็คงเป็นเพราะอินเตอร์เฟสดูโบราณไปสักหน่อย ราวกับย้อนยุคกลับไปที่โลกสมาร์ทโฟน Android เมื่อ 2-3 ปีก่อน ทั้งที่ตอนนี้กำลังเข้าใกล้ปี 2023 แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ตัวเครื่องของ Honor 70 ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 12 ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะกระโดดไปเป็น Android 13 ได้เมื่อใด
สรุป
Honor 70 ตั้งราคามาได้น่าสนใจทีเดียวที่ 16,990 บาท ซึ่งถือเป็นราคามือถือระดับกลางที่ชวนมองเป็นอย่างมากจากการออกแบบที่ดี
ในภาพรวม Honor 70 เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจ มีการถ่ายภาพที่ใช้ได้เกินกว่าที่คาดคิดไว้ สเปกที่ให้มาถือว่าอัดแน่นเกินกว่าราคาอยู่ไม่น้อย
แบตเตอรี่ที่ให้มา 4,800 mAh เพียงพอต่อการใช้งาน เพียงแต่ว่าอาจต้องมีการปรับลดเรื่องของรีเฟรชเรตลงนิดหน่อย เพื่อไม่ให้เกิดการบริโภคแบตเตอรี่จากการใช้งานหน้าจอ

นอกจากนี้แล้ว Honor 70 เป็นสมาร์ทโฟนที่ดูคล้ายกับสมาร์ทโฟนของหัวเว่ย แต่ Honor 70 สามารถใช้งานบริการต่างๆ ของกูเกิลได้ทุกอย่าง จึงน่าจะพอดึงดูดใจผู้บริโภคที่ยังเป็นแฟนคลับของหัวเว่ยเดิมได้บ้าง
จุดที่แย่มีเล็กน้อย นั่นคือ เรื่องของอินเตอร์เฟส รวมถึงคำถามที่มีต่อการอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็น Android 13 จะได้เมื่อไร ถ้าหากได้รับอัปเดตเร็วก็นับเป็นเรื่องที่ดี และทำให้มองข้ามเรื่องของอินเตอร์เฟสในภาพรวมที่ไม่ค่อยสวยได้นิดหน่อย