กลายเป็นอุปกรณ์ที่ต้องมี สำหรับแมคคานิคอลคีย์บอร์ด หรือคีย์บอร์ดแบบกลไก ที่ในตอนนี้ไม่ได้ฮิตเพียงแค่ในกลุ่มเกมเมอร์เท่านั้น แต่ยังได้แพร่หลายไปยังกลุ่มคนทำงาน และกลายเป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์ไปแล้ว โดยจากประสบการณ์ตรงของผู้ใช้งาน ได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “หากได้ลองใช้แล้ว การพิมพ์ของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
แมคคานิคอลคีย์บอร์ด แบรนด์ Keychron มีจุดเริ่มต้นมาจากการระดมทุนผ่านเว็บ Kickstarter ในปี 2017 จากความตั้งใจพัฒนาแมคคานิคอลคีย์บอร์ดในดีไซน์มินิมอลสุดเท่ที่ตอบโจทย์การใช้งาน จนกลายเป็นไลฟ์สไตล์คีย์บอร์ดที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ล่าสุดทาง Keychron ได้ปล่อยตัวอัปเกรดสินค้าตัวดัง อย่าง K1 ที่เป็นรุ่น Ultra-slim ดีไซน์บางเฉียบ มาเอาใจคนทำงานโดยเฉพาะ และได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีหลังจากห่างหายไปนานถึง 7 เดือน
กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานถึง 7 เดือน
Keychron ไม่ปล่อยให้นานเกินรอกับตัวออริจินัลที่หลายคนตามหาอย่าง K1 ที่ได้กลับมาพร้อมวางจําหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ โดยได้อัปเกรดจากเดิมที่มี 2 แบบ ภายใต้ชื่อรุ่น K1 ทั้ง K1 Tenkeyless (87-key) และ K1 Full size (104-key) Keychron ได้อัปเกรดแบ่งทั้ง 2 แบบ แบ่งออกเป็น 2 รุ่น นั่นคือ K1 ในขนาด Tenkeyless และ K5 ในขนาด Full size เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำมากยิ่งขึ้น และยังได้เพิ่มทางเลือกใหม่ (Special Edition) มาใน 2 รุ่น คือ K1 SE (Tenkeyless) และ K5 SE (Full size) ซึ่งบอดี้ถูกดีไซน์ขึ้นใหม่ โดยผสมผสานระหว่างบอดี้อะลูมิเนียมและพลาสติก ABS ทำให้มีความเบา เหมาะสำหรับพกพามากยิ่งขึ้น
Keychron Ultra-Slim Wireless Mechanical Keyboard
ทั้ง K1 และ K5 เป็นแมคคานิคอลคีย์บอร์ดไร้สายบางเฉียบ ที่ได้อัปเกรดสวิตช์เป็นแบบ Keychron Optical ลิขสิทธิ์เฉพาะของทาง Keychron สำหรับ K1 และ K5 โดยมีความทนทานมากขึ้น พร้อมฟีเจอร์ hot-swap ปรับเปลี่ยนสวิตช์ง่ายๆ ได้ตามต้องการโดยไม่ต้องบัดกรี ทำให้เลือกสัมผัสการพิมพ์ได้ทั้ง Linear, Tactile หรือ Clicky ตามความชอบ อีกทั้งยังมีดีไซน์ Ergonomics ให้สัมผัสในการพิมพ์ที่ดี ลดความเมื่อยล้าของนิ้ว ช่วยให้พิมพ์ได้สบายขึ้น พร้อมขาตั้งปรับระดับและแป้นพิมพ์ภาษาไทย ที่สำคัญมาพร้อมกับไฟ RGB 15 แบบ ทำให้ถูกใจทั้งสายเกมมิ่ง ทำงาน และสายจัดโต๊ะคอม
และแน่นอนจุดเด่นของ Keychron คือการเชื่อมต่อที่หลากหลาย สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้พร้อมกันถึง 3 อุปกรณ์ และสลับใช้งานได้อย่างไหลลื่น ทั้งคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน รวมถึงเชื่อมต่อผ่านสาย USB Type-C แถมสลับใช้งานข้ามระบบปฏิบัติการ Windows และ macOS ได้ในปุ่มเดียว เรียกได้ว่าเป็นแมคคานิคอลคีย์บอร์ดที่มาพร้อมความครบครัน และเข้าถึงได้ทุกฟังก์ชั่นการใช้งานเลยทีเดียว
สำหรับใครที่อยากทำความรู้จักแมคคานิคอลคีย์บอร์ดมากขึ้น สามารถเข้าไปอ่านบทความย้อนหลังเกี่ยวกับความเทรนด์ที่น่าสนใจของแมคคานิคอลคีย์บอร์ดได้ที่ แมคคานิคอล คีย์บอร์ด ประสบการณ์ใหม่ที่คนไทยต้องได้สัมผัส หรือสามารถเข้าไปศึกษาเทคนิคการเลือกแมคคานิคอลคีย์บอร์ดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และรูปแบบการใช้งานที่เหมาะสมกับตัวคุณได้ที่ เทคนิคเลือกคีย์บอร์ดที่เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุดพร้อมให้สัมผัสประสบการณ์แมคคานิคอลคีย์บอร์ดแล้วที่ร้านไอทีชั้นนำทั่วประเทศ
Keychron Thailand จับมือกับแบรนด์ช็อปไอทีชั้นนำทั่วประเทศ ร่วมเปิดประสบการณ์แมคคานิคอลคีย์บอร์ดให้ทุกคนได้สัมผัส และทดลองสินค้าตัวจริงได้ที่
● Sillicons Studio สามย่าน
● .Life สาขาสีลมคอมเพล็กซ์ ไอคอนสยาม เซ็นทรัลพระราม 9 เมกาบางนา เซ็นทรัลเวสต์เกต เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ และเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
● iStudio สาขาสยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ และเซ็นทรัลเอ็มบาสซี
สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลในการจัดจำหน่าย หรือช่องทางการสั่งซื้อเพิ่มเติมคลิก! ช่องทางการสั่งซื้อและทดลองสินค้า โดยในปัจจุบัน Keychron Ultra-Slim wireless mechanical keyboard ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีรุ่นดังต่อไปนี้
K1 ราคา 4,090 บาท
K1 SE ราคา 4,390 บาท
K5 (K1 104 keys เดิม) ราคา 4,390 บาท
K5 SE 4,690 บาท
ทุกรุ่นมาพร้อมคีย์ภาษาไทย
ดูรายละเอียดและซื้อสินค้า Keychron Ultra-Slim wireless mechanical keyboard ได้ที่ https://bit.ly/3coWRcq
ช้อปผ่านเว็บไซต์ จัดส่งไว มีบริการให้คำปรึกษาตลอดอายุใช้งาน และรับประกันศูนย์ไทย 1 ปี
#keychron #KeychronTH #KeychronThailand #แมคคานิคอลคีย์บอร์ด #keychron #GadgetStory