ซัมซุง เปิดตัว Galaxy Z Fold 4 และ Flip 4 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การมาของสองสมาร์ทโฟนจอพับได้ ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดสมาร์ทโฟนจอพับอย่างมีนัยสำคัญ

เป็นความจริงอยู่ว่า สมาร์ทโฟนจอพับไม่ได้มีแค่ซัมซุงเพียงรายเดียวที่ทำตลาดนี้ เพียงแต่การวางจำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศทั่วโลก กลับมีแค่ซัมซุงเท่านั้นที่ขายเป็นเรื่องเป็นราว ขณะที่ แบรนด์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวเว่ย, ออปโป้, โมโตโรลา และเสียวหมี่ ต่างเลือกทำตลาดในประเทศจีนเป็นหลักเพียงอย่างเดียว

โดยพลันที่ Galaxy Z Flip 4 และ Fold 4 ประกาศราคา พร้อมกำหนดการวางจำหน่าย เราได้เห็นความเคลื่อนไหวของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากประเทศจีน เกี่ยวกับการต้องการทำตลาดมือถือจอพับในเวทีโลกแทบจะทันที

Galaxy Z Fold 4 และ Flip 4
Galaxy Z Fold 4 และ Flip 4

ตามรายงานของเว็บไซต์ Pricebaba ระบุว่า ซัมซุงได้วางมาตรฐานสมาร์ทโฟนจอพับเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้แบรนด์ใหญ่อย่างออปโป้ เตรียมลุกขึ้นมาท้าชิงกับซัมซุง โดยในเวลานี้ ออปโป้ กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา มือถือจอพับจำนวน 2 รุ่น ซึ่งมีชื่อที่ค่อนข้างคุ้นอย่าง OPPO Find N Flip และ OPPO Find N Fold และมีกำหนดการวางจำหน่ายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

...

เมื่อพูดถึงแบรนด์ออปโป้แล้ว คงต้องพูดถึงวันพลัสด้วย ซึ่งแบรนด์นี้ อยู่ภายใต้ร่มเดียวกัน นั่นคือ บีบีเค อิเล็กทรอนิกส์ คอร์ปอเรชัน ในรายของวันพลัส มีข่าวออกมาเช่นกันว่า กำลังอยู่ระหว่างเตรียมตัวพัฒนาสมาร์ทโฟนจอพับด้วย ซึ่งก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะวันพลัส สามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ของออปโป้ได้ ถ้าหากออปโป้มีมือถือจอพับได้ ทำไมวันพลัสจะมีไม่ได้ เรื่องของเรื่องอยู่ที่ว่า จะเปิดตัวเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของโมโตโรลา ซึ่งอยู่ภายใต้ความดูแลของเลอโนโว ก็ขยับตัวขานรับกับกระแสมือถือจอพับด้วยการส่ง Moto Razr 2022 ออกมา ซึ่งในช่วงแรกมีข่าวว่า โมโตโรลา จะส่งรุ่นนี้ไปทำตลาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา แต่ก็เปลี่ยนใจ ยังคงทำตลาดในดินแดนมังกรเพียงอย่างเดียวไปก่อน และเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง

ต่อมาก็คือ เสียวหมี่ ซึ่งมือเรือธงลำใหม่อย่าง Mix Fold 2 เสริมด้วยจุดเด่นตรงที่ มีความร่วมมือไลก้า ทำให้การถ่ายภาพของ Mix Fold 2 มีความโดดเด่นมากขึ้น และสามารถชูเป็นจุดขาย แต่ก็เหมือนกับ 2-3 แบรนด์ที่ยกตัวอย่างไป พวกเขายังคงเลือกทำตลาดเฉพาะในประเทศบ้านเกิด

ควรต้องกล่าวด้วยว่า ไม่ได้มีแค่สมาร์ทโฟนแบรนด์จีนเท่านั้น ที่กำลังพร้อมลุยตลาดมือถือจอพับ แม้แต่ผู้พัฒนาหลักของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์อย่างกูเกิล ก็มีโอกาสอย่างยิ่งที่จะเริ่มชิมลางการพัฒนามือถือจอพับ เสริมแกร่งให้กับสมาร์ทโฟนซีรีส์ Pixel

ทางด้านซัมซุง นำโดยทีเอ็ม โรห์ ผู้บริหารสูงสุดในธุรกิจสมาร์ทโฟนของซัมซุง ให้สัมภาษณ์ที่นิวยอร์ก พร้อมกับความเชื่อมั่นว่า ซีรีส์ Galaxy Z จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์หลักของซัมซุงในอนาคตอันใกล้นี้ อีกทั้ง ซัมซุง ได้ทุ่มเทสรรพกำลังโดยเฉพาะในด้านงานวิจัยและพัฒนา เพื่อเดิมพันธุรกิจสมาร์ทโฟนไว้กับซีรีส์ของ Galaxy Z รวมถึงมือถือจอพับมีความดึงดูดใจลูกค้าได้มากกว่าและดีกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงแบบเดิมๆ

ทีเอ็ม โรห์
ทีเอ็ม โรห์

ทีเอ็ม โรห์ กล่าวต่อไปว่า ภายในปี 2025 สมาร์ทโฟนจอพับจะมีสัดส่วนคิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของการจัดส่งสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมของซัมซุงทั้งหมด อีกทั้งยังแสดงความเชื่อมั่นด้วยว่า สมาร์ทโฟนจอพับจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจสมาร์ทโฟน

เมื่อลองย้อนกลับไปดูในช่วงการวางจำหน่าย Galaxy S21 เรือธงตอนต้นปีที่แล้ว สามารถทำยอดจัดส่งได้มากถึง 20-25 ล้านเครื่อง ซึ่งจากข้อมูลที่เพิ่งมีการรายงานออกมาก่อนหน้านี้ บอกด้วยว่า Galaxy S22 Ultra มียอดจัดส่งมากถึง 11 ล้านเครื่อง ทำให้ตอนนี้สมาร์ทโฟนในกลุ่มพรีเมียมของซัมซุงมียอดจัดส่งไปแล้วราว 30 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นแล้วตัวเลข 50 เปอร์เซ็นต์ ที่ซัมซุงตั้งเอาไว้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่น้อย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มาถึงจุดนี้ การเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่พับได้ของซัมซุงทั้งสองรุ่น ได้กลายเป็นการสร้างปฏิกิริยาครั้งสำคัญของธุรกิจสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะเซกเมนต์มือถือพับได้ นั่นจึงทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่มาจากประเทศจีน เริ่มอยู่นิ่งไม่ไหวติงอีกไม่ได้แล้ว

...

ในเวลาเดียวกัน ต้องไม่ลืมอีกว่า บิ๊กเนมอย่างแอปเปิล ก็มีการทดสอบการพัฒนาสมาร์ทโฟนจอพับมาแล้วหลายปี เหลืออยู่แค่เวลาเท่านั้นว่า แอปเปิลจะพร้อมลงตลาดเมื่อใด

จุดที่น่าสนใจก็คือ อนาคตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผมเชื่อว่า ต้นทุนการพัฒนาสมาร์ทโฟนจอพับจะมีราคาค่างวดที่ลดต่ำลง รุ่นระดับไฮเอนด์ก็อาจมีระดับราคาที่ใกล้เคียงกับ iPhone 13 Pro Max หรือก็คือ 42,900 บาทโดยประมาณ

ที่สำคัญ เมื่อมาถึงจุดที่ต้นทุนถูกลง ย่อมทำให้ความพร้อมในการวางจำหน่ายตีแผ่วงกว้างมากขึ้น

ถึงตอนนั้น มือถือจอพับจึงเข้าสู่ “กระแสหลัก” อย่างเป็นทางการ