เมื่อไม่นานมานี้ สถาบัน Purple Mountain Laboratories ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ออกมาให้ข้อมูลว่า ทีมวิจัยของสถาบันประสบความสำเร็จในการส่งสัญญาณ 6G ด้วยความเร็ว 206.25 Gbps เป็นครั้งแรก โดยโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมในประเทศ ซึ่งรวมถึง China Mobile และมหาวิทยาลัย Fudan (Fudan University)
โดยการวิจัยครั้งนี้ถูกบันทึกไว้ว่า ความเร็ว 6G เร็วกว่าเทคโนโลยี 5G ของจีนในปัจจุบันประมาณ 10-20 เท่า ถือเป็นสถิติโลกสำหรับการส่งสัญญาณไร้สายบนย่านความถี่ Terahertz ที่ประมาณ 300 GHz ถึง 3 THz ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการสื่อสารเคลื่อนที่ 6G ในอนาคต
ศาสตราจารย์จาง เชา (Zhang Chao) ผู้เชี่ยวชาญจากคณะวิศวกรรมการบินและอวกาศ มหาวิทยาลัยชิงหวา หนึ่งในทีมวิจัยเรื่องนี้บอกว่า เขาใช้วิธีการสตรีมข้อมูลผ่านการใช้ “คลื่นวอร์เทกซ์มิลลิเมตร” (Vortex millimetre waves) ซึ่งเป็นคลื่นวิทยุความถี่สูงที่ถ่ายทอดข้อมูลแบบหมุนวน โดยทดลองติดตั้งที่สนามกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปักกิ่ง ปรากฏว่าสามารถสตรีม วิดีโอสดความละเอียดสูงได้มากกว่า 10,000 รายการพร้อมๆกัน โดยเป็นการสตรีมข้อมูล 1 เทราไบต์ ระยะทาง 3,300 ฟุตในเวลา 1 วินาที
...
“ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างมิติใหม่แห่งการส่งสัญญาณแบบไร้สาย โดยที่การส่งสัญญาณแบบหมุนวนแตกต่างจากการส่งข้อมูลในศตวรรษที่ผ่านมา” ศ.เชาบอก
ความน่าตื่นเต้นของเทคโนโลยี 6G คือ การที่สามารถพัฒนาระบบอาวุธและการป้องกันได้ โดยการทดสอบพิสูจน์ว่า อาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงถึง 5 เท่าสามารถใช้ 6G ในการตรวจ จับเป้าหมายและการสื่อสารได้ ทำให้จีนพุ่งเป้าที่จะนำเทคโนโลยี 6G ไปใช้ทางด้านการทหารก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากสำหรับกองทัพแล้วประสิทธิภาพนั้นมีความสำคัญมากกว่าราคา แต่การนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์อาจต้องรอถึงปี 2030 หรือเร็วกว่านั้นเล็กน้อย ด้วยประสิทธิภาพที่ 6G มีความเร็วระดับเทราบิตและมีความสามารถมากกว่า 5G เป็น 100 เท่า
“สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดไม่ใช่แค่เรื่องความเร็ว แต่เป็นการแนะนำมิติทางกายภาพใหม่ๆที่สามารถนำไปสู่โลกใหม่ที่มีความเป็นไปได้เกือบไร้ขอบเขต” ผู้เชี่ยวชาญจากคณะวิศวกรรมการบินและอวกาศ มหาวิทยาลัยชิงหวาอธิบาย พร้อมกับให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การส่งคลื่นแบบหมุนวนนี้มีลักษณะคล้ายพายุทอร์นาโด ซึ่งเป็นรูปแบบ 3 มิติ นักวิจัยของรัฐบาลจีนที่กำลังศึกษาเทคโนโลยี 6G ในเซินเจิ้นกล่าวว่า การทดลองดังกล่าวอาจเป็น “จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติ” เทคโนโลยีการสื่อสารของโลกในทศวรรษนี้
ทั้งนี้ 6G จะเป็น Game Changer ที่จะพลิกโลกและเปลี่ยนบริการของเทคโนโลยีไปอย่างสิ้นเชิง เพราะแม้ในระหว่างการทดลองจะประมาณว่า ความเร็วของ 6G เร็วกว่า 5G 100 เท่า แต่เมื่อถึงเวลาที่มีการนำมาใช้จริงจัง นักวิจัยคาดการณ์ว่า ความเร็วของ 6G อาจเร็วกว่า 5G ถึง 8,000 เท่า หรือสามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์รวมกันยาว 142 ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 1 วินาที หรือจะเป็นคอนเสิร์ตแบบ 3 มิติที่แสดงโชว์สดๆ ได้พร้อมกันทั้งโลก ด้วยการใช้ระบบโฮโลแกรมแบบเสมือนจริง
ความน่าสนใจอีกอย่างของ 6G คือ เมื่อระบบ AI ทำงานผ่าน Application ไปได้สักพักหนึ่ง มันจะเริ่มเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง เช่น เรียนรู้เรื่องการขับยานพาหนะ, เรียนรู้เรื่องการทำการเกษตรและเมื่อมันสะสมความรู้ได้มากพอหลังจากนั้นก็จะเกิดการตัดสินใจได้ด้วยตัวเองตามมา
ยิ่งไปกว่านั้น 6G ยังสามารถสั่งการจากการเรียงลำดับของข้อมูลที่ผ่านเข้ามา พร้อมเลือกการตัดสินใจที่คิดว่าดีที่สุด โดยผ่านการเชื่อมต่อข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
สิ่งที่จะเกิดขึ้นที่อาจจะคาดไม่ถึง เช่น การขับขี่รถยนต์แบบอัตโนมัติด้วย AI โดยไม่ต้องใช้คนขับ แต่อาศัยการสั่งการให้ยานยนต์ขับในเส้นทางเดิม และถ้าคุณต้องการที่จะให้มันขับรถออกนอกเส้นทาง ก็สามารถที่จะให้ระบบดึงข้อมูล เพื่อประมวลผลแผนที่พร้อมทั้งคำนวณเส้นทางในการเดินทางได้ ซึ่งถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นจริงๆ ก็คงจะปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์และอำนวยความสบายให้ได้มากขึ้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
แม้จะมีการคาดการณ์กันว่า เราจะสามารถใช้ 6G ได้ในปี 2030 หรืออีกประมาณ 9 ปีข้างหน้า แต่ในความเป็นจริง เราอาจจะได้เห็น 6G เร็วกว่านั้น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีแห่งอนาคต ที่ทั้ง 2 ประเทศมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯกำลังเร่งพัฒนา รวมทั้งเกาหลีใต้ที่ตามมาติดๆ แบบไม่ทิ้งห่าง ด้วยการลงทุนด้าน R&D ในเทคโนโลยี 6G อย่างเข้มข้น.
...