วิธีถนอมแบตเตอรี่ iPhone เพื่อให้ใช้งานได้นาน ไม่สะดุดไหลลื่น ทำได้ไม่ยาก โดยวิธีถนอมแบตเตอรี่ iPhone มีอะไรบ้าง ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์ ได้รวบรวมสรุปมาให้แล้ว ดังนี้
เริ่มต้นจากการดูข้อมูลเบื้องต้นกันก่อน บนเว็บไซต์แอปเปิล ซัพพอร์ต แนะนำให้ผู้ใช้งานตั้งค่า การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่ เสียก่อน โดยไปที่
- การตั้งค่า
- เลือกเมนู แบตเตอรี่
- แตะไปที่ สภาพแบตเตอรี่
- กดเปิดการใช้งาน การชาร์จเพื่อถนอมแบตเตอรี่
ขณะที่ วิธีถนอมแบตเตอรี่ iPhone นอกจากการชาร์จ ตามที่แอปเปิลซัพพอร์ตแนะนำแล้ว ยังมีอีกหลากหลายวิธีถนอมแบตเตอรี่ iPhone ดังนี้
วิธีถนอมแบตเตอรี่ iPhone นอกจากการชาร์จ
- หลีกเลี่ยงการใช้อะแดปเตอร์ชาร์จ และสายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจจ่ายไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ iPhone ไม่สม่ำเสมอ ซ้ำร้ายบางตัวไม่มีระบบตัดไฟ อาจทำให้ iPhone เสียหาย และอันตรายไปถึงผู้ใช้งานด้วย จึงควรเลือกใช้งานอะแดปเตอร์ชาร์จหรือสายชาร์จจาก Apple ดีที่สุด แต่หากเห็นว่า สินค้าโดยตรงของแอปเปิลมีราคาแพงเกินไป สามารถใช้งานอะแดปเตอร์ชาร์จหรือสายชาร์จแบรนด์อื่น แต่ต้องเลือกอุปกรณ์ที่มีสัญลักษณ์ MFi (Made For iPhone)
- ไม่ควรเล่นโทรศัพท์ไปชาร์จแบตเตอรี่ไป ซึ่งไม่ใช่แค่ iPhone เท่านั้น แต่รวมถึงมือถือทุกยี่ห้อด้วย เพราะการเล่นไปชาร์จไป ส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่โดยตรง เนื่องจากตัวเครื่องจะร้อนจากการประมวลผลแอปพลิเคชันที่เราใช้งานอยู่ รวมไปถึงการชาร์จไฟเข้า iPhone ด้วย ซึ่งเมื่อแบตเตอรี่เกิดความร้อนสูงมากๆ ก็จะส่งผลให้อายุใช้งานแบตเตอรี่ลดลง
วิธีถนอมแบตเตอรี่ iPhone ระหว่างการใช้งาน
...
การเปิดโหมดพลังงานต่ำ เมื่อแบตเตอรี่ของ iPhone ลดลงจนอยู่ในระดับต่ำกว่า 20% ระบบจะเปิดโหมดพลังงานต่ำ โดยเแถบแบตเตอรี่จะกลายเป็นสีเหลือง ซึ่งระบบจะปรับเข้าสู่โหมดพลังงานต่ำอัตโนมัติ ที่สำคัญไม่ควรใช้ iPhone หรือปล่อยให้ iPhone แบตเตอรี่หมดแล้วค่อยเสียบชาร์จ เนื่องจากการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% หรือต่ำกว่า 30% ตัวเครื่องจะเร่งการชาร์จทำให้ตัวเครื่องร้อนได้ ซึ่งความร้อนก็ส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่
วิธีถนอมแบตเตอรี่ iPhone ด้วยการปรับหน้าจอ
- ลดความสว่างลง เพราะแสงสว่างหน้าจอถือเป็นหนึ่งฟีเจอร์ที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่มากที่สุด การเปิดฟีเจอร์ควบคุมแสงสว่างอัตโนมัติ จะช่วยลดการใช้งานพลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างมาก
- การเปิดโหมดมืด ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดการใช้พลังงานและการใช้แบตเตอรี่ เนื่องจากโหมดมืดจะช่วยลดแสงสว่างของหน้าจอลง แต่ฟีเจอร์โหมดมืดมีอยู่ใน iPhone เฉพาะรุ่นเท่านั้น โดยผู้ใช้ตรวจสอบได้โดยเข้าสู่การตั้งค่าแล้วแตะที่แสดงผลและความสว่าง จากนั้นเลือกตัวเลือกสีเข้ม
- การปิด Background App Refresh ซึ่งเป็นการทำงานเบื้องหลังของแอปฯ ถึงแม้ว่าเราปิดแอปฯ ไปแล้วแต่แอปฯ นั้นก็ยังใช้ทรัพยากรอย่างหน่วยความจำและแบตเตอรี่อยู่ จึงควรเลือกปิดแอปฯ ที่ไม่ค่อยได้ใช้และเลือกเปิดเฉพาะแอปฯ ที่ต้องการให้อัปเดตเท่านั้น
- การปิดการปลุกหน้าจอ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้เรามองเห็นหน้าจอ iPhone ได้เมื่อยกขึ้นมา แต่บางทีการยก iPhone บ่อยๆ ก็ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วได้ หากต้องการประหยัดแบตเตอรี่ก็ควรปิดการปลุกหน้าจอ
- ไม่ใช้ Wallpaper แบบเคลื่อนไหว เพราะ Wallpaper ที่เป็นแบบเคลื่อนไหวทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วได้ ควรเลือกตั้งค่าพื้นหลังให้เป็นภาพนิ่งแทนจะช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้มากกว่า
- วาง iPhone คว่ำลง เพราะ iPhone มีคุณสมบัติตรวจจับหน้าจอที่วางคว่ำหน้า ซึ่งคุณสมบัตินี้จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ เพราะจะไม่มีการแสดงการแจ้งเตือนใดๆ ขึ้นมา เหมาะกับเวลาที่เราไม่ได้ใช้งาน เช่น เวลาพักผ่อน และทำงาน เป็นต้น
วิธีถนอมแบตเตอรี่ iPhone จากการเชื่อมต่อเครือข่าย
- เชื่อมต่อ Wi-Fi หรือเข้าสู่โหมดเครื่องบิน จะช่วยลดการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ แต่อาจสร้างความเสี่ยง เพราะ Wi-Fi มีระบบการป้องกันที่น้อยกว่าการใช้เครือข่ายไร้สาย หรือหากในกรณีที่ไม่จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตสามารถเลือกเปิดโหมดเครื่องบินได้ ซึ่งจะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ให้ยาวนานมากขึ้น
- การปิดการใช้งาน GPS เพราะระบบ GPS จะทำงานตลอดเวลาเพื่อตรวจจับว่า iPhone อยู่ในพื้นที่ใด ซึ่งเท่ากับใช้พลังงานจากแบตเตอรี่จำนวนมาก การปิดระบบ GPS จะช่วยให้ยืดอายุแบตเตอรี่ได้อย่างมากขึ้น
- ตัดการเชื่อมต่อ Bluetooth เพราะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่สูง เนื่องจากการเชื่อมต่อจะเป็นการส่งสัญญาณตลอดเวลา การตัดอุปกรณ์เชื่อมต่อ Bluetooth จะช่วยลดการใช้พลังงานลง และช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ iPhone
- การจำกัดจำนวนการแจ้งเตือน เพราะการแจ้งเตือนส่งผลต่อการใช้แบตเตอรี่ ทั้งการทำให้แสงสว่างหน้าจอทำงานและต้องใช้ระบบประมวลผล
สุดท้ายของแถมอีกหนึ่งวิธีถนอมแบตเตอรี่ iPhone นั่นคือ ถ้าหากเป็นไปได้ควรใช้งาน iPhone ในอุณหภูมิคงที่ เพราะอุณหภูมิภายนอกมีส่วนสำคัญต่อแบตเตอรี่ เนื่องจากอุณหภูมิที่ร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไป สามารถส่งผลต่อประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่ และอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ จึงควรอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิคงที่ตลอดเวลา.