การเข้าบุกรุกอธิปไตยของยูเครน จากคำสั่งปฏิบัติการพิเศษของ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้เกิดกระแสนานาชาติ โดยเฉพาะชาติตะวันตกตัดสินใจคว่ำบาตรรัสเซียทั่วหน้า

จากปฏิบัติการดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า พร้อมกับต้องเฝ้ารอคอยว่าเมื่อใดความสงบสุขจะกลับมาสู่ดินแดนของยูเครนอีกครั้งหนึ่ง

ในโลกของเทคโนโลยี เชื่อหรือไม่ว่า ประเทศยูเครนถือได้ว่าเป็นประเทศที่กำลังเติบโตในด้านไอทีเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากความโด่งดังในด้านนักกีฬา จากการที่พวกเขาเคยมีฮีโร่ของชาติอย่าง อังเดร เชฟเชนโก เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ในปี 2004 และวิตาลี คลิทช์โก นักชกรุ่นเฮฟวีเวท จนอาจกล่าวได้ว่า ยูเครน เป็นประเทศเกิดใหม่ด้านนวัตกรรมก็คงไม่ผิดนัก

จากการบุกรุกยูเครนโดยรัสเซีย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศทางเทคโนโลยีของยูเครน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของยูเครนขนาดใหญ่ บริษัทสตาร์ทอัพ รวมถึงสำนักงานวิจัยของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอีกด้วย

ที่น่าสนใจ นั่นคือ ศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของยูเครน ไม่ได้จำกัดอยู่ในวงแคบเฉพาะเมืองหลวงอย่างกรุงเคียฟ แต่มันได้ขยายตัวไปเมืองอื่นๆ ของประเทศ เช่น ดนิโปร (Dnipro), คาร์คีฟ (Kharkiv) และ ลวิว (Lviv) เป็นต้น ซึ่งทุกเมืองที่กล่าวมาล้วนได้รับผลกระทบจากการรุกรานครั้งนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อม

หากตัดประเด็นการรุกรานอธิปไตยยูเครนของรัสเซีย เราสามารถกล่าวได้ว่า ความคึกคักในฐานะที่เป็นเมืองแห่งเทคโนโลยี ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศในด้านนี้มีการส่งออกเติบโตขึ้น 20.4 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2020

อันที่จริง บริษัทเทคโนโลยีในยูเครนก็เพิ่งเริ่มก่อร่างสร้างตัวในยุคกลาง 1990 เสียด้วยซ้ำ เริ่มจากการรับงานเอาต์ซอร์สเขียนโปรแกรมโดยเรียกค่าแรงไม่สูงนัก กระทั่งก่อเกิดความเชี่ยวชาญมากขึ้น จนสามารถพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างปัญญาประดิษฐ์ และโครงข่ายประสาทเทียมเป็นของตัวเองได้

ไม่ได้มีแต่เรื่องทักษะความสามารถของแรงงานเท่านั้น แต่ผู้ว่าจ้างลงประเด็นเห็นตรงกันว่า จุดเด่นของแรงงานชาวยูเครนได้รับการยอมรับในแง่ของความเป็นมืออาชีพ, การทำงานหนัก, ขยัน, ซื่อสัตย์ และมีความทะเยอทะยาน จึงทำให้เกิดชื่อเสียงในด้านดี ถูกพูดกันปากต่อปาก

ด้านหนึ่ง ผมควรต้องอธิบายด้วยว่า ยูเครนเป็นหนึ่งในประเทศที่เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษามากที่สุดประเทศหนึ่ง โดยเฉพาะในศาสตร์ของตัวเลข, การคำนวณทางฟิสิกส์ และด้านวิศวกรรม จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของแรงงานด้านเทคโนโลยีในที่สุด

เมื่อแรงงานมีความเก่งกาจมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก ที่จะเริ่มเกิดบริษัทชั้นนำในยูเครนมากขึ้นตามลำดับ จนในเวลาต่อมากลายเป็นบริษัทระดับยูนิคอร์น ดังเช่น GitLab และ Grammarly โดยเฉพาะในรายของ GitLab กลายเป็นบริษัทในตลาดหุ้นแนสแดคเรียบร้อยแล้วในเดือนตุลาคม 2021

...

GitLab บริษัทที่มีรากฐานจากประเทศยูเครน
GitLab บริษัทที่มีรากฐานจากประเทศยูเครน

นอกเหนือจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีทั้งหลายในยูเครนก็ได้มีการคืนผลกำไรของบริษัทกลับไปให้ชุมชน เน้นไปที่การลงทุนด้านการศึกษาให้กับมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ทั้งในเคียฟ และลวิว เป็นต้น

ในที่นี้ ผมขออธิบายเพิ่มเติมเฉพาะรายของบริษัท Grammarly เพียงบริษัทเดียวเท่านั้นนะครับ เนื่องจากผมมีความคุ้นเคยกับการใช้งาน Grammarly เป็นอย่างดี เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผมใช้ทั้งบนสมาร์ทโฟนและเบราว์เซอร์บนคอมพิวเตอร์

Grammarly เป็นบริการที่เปรียบกับเป็นผู้ช่วยของเราในด้านแกรมมาร์ หรือไวยากรณ์ โดยมีการทำงานของปัญญาประดิษฐ์อยู่เบื้องหลังอินเตอร์เฟสอันเรียบง่าย การใช้งานมีทั้งแบบเสียเงินและใช้งานได้ฟรี สำหรับมูลค่าในปัจจุบันของ Grammarly อยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบัน Grammarly มีสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก และมีสำนักงานย่อยสำคัญในแวนคูเวอร์, นิวยอร์ก และกรุงเคียฟ

ประเด็นสำคัญอยู่ที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเคียฟนี่แหละครับ เพราะกรุงเคียฟกลายเป็นเป้าหมายในการบุกยึดของรัฐบาลเครมลิน

ดังนั้น สำนักงานของ Grammarly ในกรุงเคียฟ จึงถือเป็นหนึ่งในสำนักงานที่สำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งรวมโปรแกรมเมอร์จำนวนมาก และถือเป็นกลุ่มพนักงานทักษะสูงของบริษัท

เซนกา ฮัดซิมูราโตวิช โฆษกของ Grammarly กล่าวว่า บริษัทกำลังดำเนินการตามแผนฉุกเฉินเพื่อปกป้องพนักงานจากภยันตราย ทั้งนี้ โฆษกของ Grammarly ไม่ได้มีการลงลึกในรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการช่วยเหลือพนักงานอย่างไร เนื่องจากหากมีการเปิดเผย อาจส่งผลร้ายต่อพนักงาน และไม่สามารถดำเนินการตามแผนฉุกเฉินได้

ในส่วนแผนการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูล ทางบริษัทได้มีการสำรองข้อมูลเรียบร้อยแล้ว รวมถึงมีการถ่ายโอนข้อมูลสำคัญมากทางธุรกิจไปยังทีมที่อยู่นอกประเทศยูเครนแล้ว เพื่อให้สมาชิกคนทำงานในยูเครนมีสมาธิ มุ่งเน้น และสนใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัวอย่างเดียว

Grammarly ยืนหยัดข้างยูเครน
Grammarly ยืนหยัดข้างยูเครน

ขณะเดียวกัน บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของยูเครนจำนวนมาก ได้วางแผนฉุกเฉินเอาไว้แล้ว เพื่อให้แน่ใจว่า โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของบริษัท ข้อมูลผู้ใช้งานจะยังคงปลอดภัย ไม่มีอันตราย มีการเก็บข้อมูลไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่สหรัฐอเมริกาและยุโรป

นอกเหนือจากบริษัทของชาวยูเครนแล้ว ในกรุงเคียฟยังเป็นที่ตั้งของบริษัทข้ามชาติอีกไม่น้อย ทั้งในรายของไมโครซอฟท์, กูเกิล, สแนป, ออราเคิล รวมถึงยูบิซอฟต์

ในการดำเนินการของยูบิซอฟต์ได้เสนอเงินทุนก้อนพิเศษให้กับพนักงานในยูเครน เพื่อช่วยย้ายถิ่นฐานไปยังที่ที่ปลอดภัย

ยูบิซอฟต์ ยังช่วยเหลือในด้านการช่วยจัดหาที่อยู่อาศัย ซึ่งประเมินแล้วว่าน่าจะปลอดภัย มีการจ่ายเงินเดือนก่อนกำหนด สำหรับเป็นทุนในกรณีจำเป็น และมีการจัดทีมคอยมอนิเตอร์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด เป็นต้น

ผลพวงจากภัยคุกคามของรัสเซียที่มีต่อยูเครน คงทำให้ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีในยูเครนเกิดความรู้สึกเศร้าหมองในจิตใจไม่น้อย เพราะบรรยากาศในการทำธุรกิจของพวกเขากำลังไปได้สวย มีการลงทุนทั้งภายในประเทศและนอกประเทศคับคั่ง ซึ่งจากการถูกรุกรานในครั้งนี้ ยูเครนอาจต้องกลับไปตั้งต้นใหม่ ไม่นับรวมถึงความเสียหายอันประเมินค่าไม่ได้ ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ก่อขึ้น

ขณะที่เทคโนโลยีกำลังพาผู้คนไปยังโลกอนาคต ทำความรู้จักกับเมตาเวิร์ส ตลอดจนการเดินทางไปตั้งรกรากบนดาวอังคาร แต่ด้วยภูมิรัฐศาสตร์กลับทำให้ผู้นำบางคน ดึงโลกถอยหลังกลับไปสู่ยุคสงครามเย็นเสียได้.

อ้างอิง: BBC, Bloomberg, Protocol, ScreenRant, Havard

...