การ์ทเนอร์เตือนธุรกิจอย่าเพิ่งโหมลงทุนใน “เมตาเวิร์ส” เพราะเทคโนโลยียังใหม่และกระจัดกระจาย ควรแค่เริ่มต้นเรียนรู้ สำรวจ และเตรียมพร้อมเป็นหลัก ประเมินในอีก 4 ปีข้างหน้า มนุษย์โลกราว 25% จะใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมงในโลกเมตาเวิร์ส ขณะที่องค์กร 30% จะย้ายจากธุรกิจดิจิทัลไปเป็นธุรกิจในเมตาเวิร์ส

มาร์ตี้ เรสนิค รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ อิงค์ เปิดเผยว่า ภายในปี พ.ศ.2569 หรือราว 4 ปีข้างหน้า ผู้คนราว 25% ทั่วโลกจะใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมงไปกับการทำงาน ช็อปปิ้ง เรียนรู้ เข้าสังคม รวมทั้งเข้าถึงความบันเทิงรูปแบบต่างๆผ่านโลกจักรวาลนฤมิตหรือเมตาเวิร์ส (Metaverse) “ธุรกิจจึงต้องเตรียมพร้อมสร้างแนวทางการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลให้แก่ลูกค้า ตั้งแต่การเข้าร่วมคลาสเรียนแบบ Virtual ไปจนถึงการซื้อที่ดินดิจิทัล และการสร้างบ้านเสมือนจริง แม้กิจกรรมเหล่านี้จะดำเนินอยู่ในคนละสภาพแวดล้อม แต่ท้ายที่สุดจะไปรวมอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวนั่นคือ Metaverse ปลายทางที่รวมเทคโนโลยีและประสบการณ์หลากหลายไว้ด้วยกัน”

การ์ทเนอร์อธิบายว่า Metaverse เป็นพื้นที่เสมือนจริงที่เปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันเข้ามาพบปะกัน เป็นการผสมผสานความเป็นจริงทางกายภาพและดิจิทัลไว้ด้วยกันเพื่อความสมจริง และสามารถเข้าถึงด้วยการใช้อุปกรณ์ตั้งแต่แท็บเล็ต ไปจนถึงจอแสดงผลแบบสวมศีรษะ หรือแว่นอัจฉริยะ

การ์ทเนอร์ประเมินอีกว่า Metaverse จะทำให้องค์กรต่างๆสามารถขยายและพัฒนาธุรกิจในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยย้ายจากธุรกิจดิจิทัลไปเป็นธุรกิจใน Metaverse ซึ่ง 30% ขององค์กรทั่วโลกจะมีผลิตภัณฑ์และบริการพร้อมสําหรับ ดำเนินธุรกิจใน Metaverse ภายในปี พ.ศ. 2569

อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีต่างๆของ Metaverse มาใช้นั้น ยังถือเป็นเรื่องใหม่และกระจัดกระจายอยู่มาก “สําหรับองค์กรที่มีการลงทุนสูงๆ โดยเฉพาะการลงทุนในตลาด Metaverse ยังถือว่าเร็วเกินไปที่จะทราบว่าควรลงทุนแบบใด เพื่อสร้างความสำเร็จในระยะยาว ที่องค์กรควรทำคือใช้เวลาเรียนรู้ สำรวจและเตรียมพร้อมรับมือกับโลก Metaverse เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน”.

...