ถึงนาทีนี้ คงสามารถกล่าวได้ว่า ซัมซุง (Samsung) ได้ปิดฉากตำนาน 10 ปี 10 รุ่นของ Galaxy Note เรียบร้อยแล้ว ภายหลังการเปิดตัว Galaxy S22 Ultra ภายในงาน Galaxy Unpacked 2022 ในช่วงดึกของวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ในความเป็นจริงแล้ว บรรดาที่เรียกว่าแฟนพันธุ์แท้ของสมาร์ทโฟน Galaxy Note ซึ่งมีอยู่จำนวนไม่น้อย ทราบชะตากรรมของสมาร์ทโฟนซีรีส์นี้เป็นอย่างดี เพราะนับตั้งแต่ซัมซุง ประกาศ “เลื่อน” การเปิดตัว Galaxy Note ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2021 มันถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกอ้อมๆ แล้วว่า ซีรีส์ Galaxy Note คงไม่ได้ไปต่อ

อีกทั้งในการเปิดตัว Galaxy S21 Ultra ก็ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่รองรับ S Pen นอกเหนือจาก Galaxy Note ตามด้วยการหันมาให้ความสนใจในกลุ่มสมาร์ทโฟนจอพับอย่าง Galaxy Z Fold3 และ Galaxy Z Flip3 จึงยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า อย่างไรเสีย ก็คงไม่มี Galaxy Note อีกต่อไปแล้วทันทีที่ปฏิทินเริ่มต้นปี 2022

ผมควรต้องกล่าวเช่นนี้ว่า แต่เดิม Galaxy S และ Galaxy Note มีการแบ่งเซกเมนต์ที่ชัดเจน และมีรูปแบบการตลาดที่แตกต่างกัน โดยทั้งสองซีรีส์ถูกวางตัวเป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์เหมือนกัน

Galaxy S มีจุดขายที่เด่นชัดในเรื่องของฟีเจอร์การใช้งานสุดล้ำ เพียงแต่ไม่ได้มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่มากนักเหมือนความต้องการในตอนนี้

ส่วน Galaxy Note อยู่ในลักษณะตรงกันข้าม เนื่องจากมีขนาดหน้าจอใหญ่ เพิ่มเติมด้วยสไตลัสที่เรียกว่า S Pen เอาเป็นว่าใครชอบจดบันทึก ขีดๆ เขียนๆ ในรูปแบบดิจิทัล Galaxy Note นี่แหละตอบโจทย์

Galaxy S22 Ultra ตัวแทน Galaxy Note
Galaxy S22 Ultra ตัวแทน Galaxy Note

...



เพียงแต่ความต้องการสมาร์ทโฟนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเริ่มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2014 เป็นต้นมา ก่อนที่บรรดาสารพัดคอนเทนต์ที่อยู่บนโลกออนไลน์จะเริ่มเรียกร้องความต้องการมือถือที่ใหญ่ขึ้น เผลอเพียงครู่เดียว ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทุกแบรนด์ต่างขยับรองรับความต้องการนี้อย่างพร้อมเพรียงแล้วความต่างของ Galaxy S และ Galaxy Note ก็เริ่มหายไป กลายเป็นจุดจบของ Galaxy Note ไปในที่สุด

อันที่จริง หากมองในมุมของการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด-19 ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ซัมซุง ตัดสินใจยุติการผลิต Galaxy Note ได้เช่นกันครับ เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานและการขาดแคลนชิปเซต จึงทำให้ซัมซุงต้องเลือกว่าจะเก็บสมาร์ทโฟนซีรีส์ใด ดังนั้นแล้ว การรวมซีรีส์ Note และซีรีส์ S เข้าด้วยกัน คงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าที่จะต้องแบกทั้งสองซีรีส์นี้เอาไว้

หลังงาน Galaxy Unpacked 2022 สิ้นสุดลง เว็บไซต์ Engadget รายงานว่า นี่อาจยังไม่ใช่การบอกลา Galaxy Note โดยอ้างจากบทสัมภาษณ์ของดรูว์ แบล็คอาร์ด รองประธานฝ่ายการจัดการผลิตภัณฑ์ของซัมซุง

ผู้บริหารของซัมซุง ระบุว่า Galaxy Note สามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ ถ้าหากมีเสียงเรียกร้องของผู้บริโภคที่มากเพียงพอ การกลับมาอีกครั้งสามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นแล้ว ซัมซุงจึงเลือกที่จะไม่ปฏิเสธสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพียงแต่ในระยะอันใกล้นี้ ซัมซุงจะ “ไม่มี” การเปิดตัว Galaxy Note รุ่นใหม่

อย่างไรก็ดี Galaxy Note อาจหายไปในฐานะผลิตภัณฑ์ เพียงแต่มรดกต่างๆ ของซีรีส์ Note ยังมิได้หายไปตลอดกาล แต่กระจายอยู่ในรูปแบบของฟีเจอร์สำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ แทน

Galaxy Note 20 Ultra
Galaxy Note 20 Ultra



ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในกรณีนี้ นั่นคือ การเปิดตัว Galaxy Tab S8, Galaxy Tab S8+ และ Galaxy Tab S8 Ultra ซึ่งทั้งสามรุ่นรองรับการใช้งาน S Pen ทั้งสิ้น

นั่นหมายความว่า ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของซัมซุงในอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซีรีส์ Z มีความเป็นไปได้ที่เราจะได้เห็นการเพิ่มช่องเก็บ S Pen แบบเดียวกับที่เห็นเรียบร้อยแล้วใน Galaxy S22 Ultra

นอกจากนี้แล้ว การรวมกันระหว่าง Galaxy Note และ Galaxy S ถือเป็นการลดความทับซ้อนด้านผลิตภัณฑ์ เช่นเดียวกับความสับสนในกลุ่มของผู้บริโภค โดยเฉพาะในปี 2019 ซึ่งในเวลานั้น ซัมซุงมีทั้ง Galaxy Note 10 Plus แต่ในปี 2020 ก็กลายเป็น Galaxy S20 Ultra และ Galaxy Note 20 Ultra อีกทั้งความแตกต่างของสองซีรีส์นี้ ที่เคยมีก็เริ่มจะไม่ต่างกันเสียแล้ว

อย่างไรก็ดี เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ การรวมซีรีส์ Galaxy Note และ Galaxy S ก็มีปัญหาใหญ่ไม่น้อย นั่นคือ ไม่ใช่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนทุกคนจะต้องการ S Pen เพราะเอาเข้าจริง ถ้าหากพวกเขาไม่ต้องการ S Pen การที่จะหันไปเลือก Galaxy S22 หรือ Galaxy S22+ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์อีกเช่นกัน เราต้องไม่ลืมว่า S22 และ S22+ มีสเปกที่ด้อยกว่า S22 Ultra พอสมควร

นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมากครับว่า ถึงที่สุดแล้ว กลยุทธ์การรวมกันระหว่าง Galaxy Note และ Galaxy S จะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน

จากทั้งหมดทั้งมวลของงาน Galaxy Unpacked 2022 สิ่งที่ผมคิดว่า น่าสนใจที่สุด อาจไม่ใช่เรื่องของการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการประกาศการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android นานถึง 4 ปี 4 เวอร์ชัน พร้อมกับการออกแพตช์อัปเดตด้านความปลอดภัย 5 ปี

อัปเดต Android นาน 4 ปี ถือว่าน่าสนใจมาก
อัปเดต Android นาน 4 ปี ถือว่าน่าสนใจมาก

...



จุดนี้ ผมคิดว่า มันทำให้ชุมชนผู้ใช้งาน Android มีความรู้สึก “ปลอดภัย” อย่างน้อยๆ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตที่ซื้อมาในราคาแพงแสงแพง สามารถรองรับระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่เป็นระยะเวลา 4 ปี

ตัวเลขนี้ ถือเป็นตัวเลขที่มากกว่าวงรอบ หรือ Cycle การใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้ใช้งานในเวลานี้ ซึ่งคนส่วนใหญ่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนกันปีละหนึ่งรุ่น หรือสองปีต่อหนึ่งรุ่นแล้วด้วยซ้ำ และยังถือได้ว่า เป็นการยกระดับอีกขั้นหนึ่งของระบบปฏิบัติการ Android ที่ดีมากๆ ด้วยครับ

อ้างอิง: Engadget, The Verge, CNET, ZDNet