เฟซบุ๊ก (Facebook) ตัดสินใจตอบสนองถึงข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวที่มาจากรูปถ่ายและวิดีโอ ด้วยการปิดระบบจดจำใบหน้า ซึ่งจะมีขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

เฟซบุ๊ก ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียชื่อดัง ยืนยันว่า เฟซบุ๊กยุติระบบจดจำใบหน้า เนื่องจากข้อกังวลมากมายด้านเทคโนโลยี ทั้งนี้ เฟซบุ๊กจะปิดระบบดังกล่าวอย่างเป็นทางการออกจากแพลตฟอร์มในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า พร้อมด้วยการลบเทมเพลตการจดจำใบหน้าที่มีจำนวนกว่า 1 พันล้านรายการออกไปด้วย

เจอโรม เพเซนติ รองประธานฝ่ายปัญญาประดิษฐ์ของเฟซบุ๊ก หรือในชื่อใหม่ในเวลานี้อย่างเมตา (Meta) เปิดเผยว่า จุดตั้งต้นของเทคโนโลยีนี้ ตั้งใจพัฒนาเพื่อบุคคลที่บกพร่องด้านการมองเห็นและคนตาบอด โดยมีเป้าหมายที่จะปิดช่องว่างการฉ้อโกงและแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีนี้ทำให้เกิดความกังวลในภาพรวม

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เมตา หรือเฟซบุ๊ก กำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นการใช้ซอฟต์แวร์ที่ระบุถึงตัวบุคคลโดยอัตโนมัติ ผ่านรูปถ่ายหรือวิดีโอ

พร้อมกันนี้ ในปี 2020 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กต้องยอมจ่ายเงินเป็นจำนวน 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อยุติคดีการฟ้องร้องในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้เสียหายในคดีนี้ฟ้องร้องว่า เฟซบุ๊กได้สร้างระบบจัดเก็บสแกนใบหน้าของบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการฟ้องร้องไปยังหน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันในสหรัฐอเมริกา

เพเซนติ กล่าวเสริมว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการตัดสินใจยกเลิกระบบจดจำใบหน้าทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก, แอปแชร์รูปภาพอินสตาแกรม (Instagram), บริการแชตวอตส์แอป (Whatsapp) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มใดก็ล้วนมีผู้ใช้งานระดับหลักพันล้านคนทั้งสิ้น

การปิดฟีเจอร์นี้ของเมตา เป็นความพยายามเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานในการปกป้องความเป็นส่วนตัว ส่วนการรีแบรนด์จากเฟซบุ๊กไปเป็นเมตา ก็เป็นการปูทางสู่ยุคของเมตาเวิร์ส ซึ่งเพเซนติ ยืนยันว่า เฟซบุ๊กจะทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอย่างใกล้ชิด

ที่มา: The Guardian

...