ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทุกแบรนด์ที่วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนของตัวเองในทวีปยุโรป กำลังถูกบังคับจากกฎใหม่ของสหภาพยุโรป เพื่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกันของสายชาร์จ โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่การลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์
สหภาพยุโรป หรืออียู (EU) เตรียมเสนอมาตรการบังคับให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่จะวางจำหน่ายในทวีปยุโรป จะต้องใช้พอร์ต USB-C กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท
ในประเด็นนี้ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอย่างซัมซุง (Samsung) รวมไปถึงผู้ผลิตสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android จากประเทศจีน อาจไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากหลายแบรนด์เริ่มหันมาใช้ USB-C เป็นจำนวนมากแล้ว แต่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด นั่นก็คือ แอปเปิล (Apple)
เนื่องจากในปัจจุบัน สมาร์ทโฟนจากค่ายแอปเปิล ยังคงใช้พอร์ต Lightning, USB 2.0 ซึ่งไม่เว้นแม้แต่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่แกะกล่องอย่าง iPhone 13
มาตรการดังกล่าวที่สหภาพยุโรปเสนอขึ้นมานั้น แอปเปิล ไม่เห็นด้วย พร้อมกับเตือนด้วยว่า จะมีความเป็นอันตรายต่อการสร้างนวัตกรรม ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผู้บริโภคในยุโรปและทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ในอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ของแอปเปิล ยกตัวอย่างเช่น iPad mini รุ่นที่ 6 หรือ MacBook Air ต่างก็ใช้พอร์ต USB-C ในการชาร์จแล้ว
ถ้าหากกฎที่สหภาพยุโรปเสนอให้ใช้ USB-C เป็นมาตรฐานกลาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะได้รับผลกระทบก็จะมีสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, กล้อง, หูฟัง, ลำโพงขนาดพกพา ไปจนถึงเครื่องเล่นเกมคอนโซลแบบพกพา
ในส่วนสมาร์ทวอตช์ และอุปกรณ์จำพวกฟิตเนสแบนด์ ไม่ได้รับการพิจารณา เนื่องจากขนาดและสภาพการใช้งาน ไม่เหมาะกับ USB-C
ข้อเสนอนี้ ยังรวมไปถึงการกำหนดมาตรฐานกลางสำหรับการชาร์จไวอีกด้วย เพื่อให้ทุกอุปกรณ์สามารถชาร์จได้เร็ว ชาร์จได้ไว ด้วยความเร็วที่เท่ากัน
เป้าหมายของสหภาพยุโรป ที่ออกมาสร้างแรงกดดันให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต้องใช้ USB-C เป็นมาตรฐานกลางนั้น เป็นไปเพื่อลดการเกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์
จุดที่สหภาพยุโรป ยกขึ้นมาเป็นประเด็นนั้น เพราะหากนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ได้เกิดสายชาร์จมากกว่า 30 แบบ ส่วนในปัจจุบันพอร์ตที่ใช้ส่วนใหญ่ก็จะเป็น USB-C, Lightning และ USB micro-B
แน่นอนว่า การออกมาตรการที่ว่านี้ คงไม่สามารถบังคับใช้ได้ในเร็ววันนี้ แต่จะเป็นมาตรการที่ค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งผู้ผลิตจะมีเวลาเตรียมตัวประมาณ 24 เดือน ก่อนที่ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปจะบังคับใช้กฎนี้
ที่มา: BBC
...