เกรงว่าชีวิตดิจิทัลแบบสุดโต่งจะกลายเป็นเงื่อนไขทิ้งคนส่วนใหญ่ไว้ข้างหลัง หลายรัฐในสหรัฐอเมริกา จึงออกข้อกำหนดให้ร้านค้าต้องรับชำระเงินด้วยเงินสด ไม่ใช่จะรับเฉพาะเครดิตการ์ดหรือให้จ่ายผ่านมือถืออีท่าเดียว เพื่อให้คนที่ไม่มีบัญชีแบงก์ สามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียม โดยอเมซอน โก (Amazon Go)ต้นตำรับร้านค้าไร้แคชเชียร์ ยังต้องเตรียมการรับชำระเงินสดในอนาคตอันใกล้

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมาฟิลาเดลเฟีย เป็นเมืองใหญ่เมืองแรกในสหรัฐอเมริกา ที่ออกกฎหมายแบนร้านค้าที่ไม่รับเงินสด ตามมาด้วยนิวเจอร์ซีย์ ขณะที่นิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก และ ชิคาโก กำลังอยู่ระหว่างออกกฎหมาย

การออกกฎหมายให้ร้านค้าต้องรับเงินสด เป็นการเปิดโอกาสให้คนอเมริกันที่ไม่อยู่ภายใต้ระบบธนาคาร ไม่มีบัญชีเงินฝากและไม่มีแอปพลิเคชันชำระเงินบนมือถือ สามารถใช้บริการร้านค้าได้หลากหลายมากขึ้น หลังระบบชำระเงินออนไลน์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นระบบที่เลือกปฏิบัติ

ปัจจุบัน คาดว่าจะมีครัวเรือนอเมริกันกว่า 6.5% หรือประมาณ 8.4 ล้านครัวเรือน (ตัวเลขเมื่อปี 2560) ไม่ได้อยู่ภายใต้ระบบแบงก์ คือไม่มีบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือแอปพลิเคชันชำระเงินผ่านมือถือ ดังนั้น การที่ร้านค้ายอมรับเงินสด จึงจะเป็นการขยายตลาด เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ

...

แม้กระทั่งอเมซอน โก ร้านขายของชำ-อาหารสดสมัยใหม่ ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาด้วยการเป็นร้านค้าปลอดแคชเชียร์ ซื้อ-ขายผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ต้องเข้าคิวชำระเงินหรือจ้างแคชเชียร์ให้สิ้นเปลือง ยังต้องปรับกลยุทธ์และเตรียมระบบเพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการใช้เงินสดในการจับจ่ายสินค้า

โฆษกของอเมซอน ยืนยันกับซีเอ็นบีซีว่า อเมซอนกำลังเตรียมความพร้อมรองรับระบบการชำระเงินที่หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งการรับเงินสด แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดและกำหนดเวลาที่ชัดเจนได้

ร้านอเมซอน โก ซึ่งเปิดสาขาแรกเมื่อปี 2561 ปัจจุบันมีอยู่ 10 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา และมีแผนขยายเพิ่มเป็น 3,000 สาขาภายในปี 2564

นักวิเคราะห์ด้านการเงินจาก RBC Capital ประเมินว่า รายได้ของอเมซอน โกน่าจะอยู่ที่ปีละไม่เกิน 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และด้วยรายได้ระดับดังกล่าว จะทำให้อเมซอน โกบรรลุจุดคุ้มทุน (Break Even) ได้ภายใน 2 ปีนับจากนี้ โดยแม้รายได้จะไม่มากนัก แต่โอกาสในธุรกิจมีมาก จึงไม่จำเป็นต้องใจร้อน และการเปิดให้ลูกค้าชำระเงินสด คือหนึ่งในโอกาสที่จะขยับขยายรายได้อย่างแน่นอน.