ในยุคสังคมดิจิทัล ผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ได้ถูกนำมาพัฒนาต่อยอดด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อตอบสนองการดำเนินชีวิตประจำวัน ของมนุษย์เราด้วยความสะดวกสบาย และก้าวไปสู่ยุคแห่งอนาคตอย่างแท้จริง

สัปดาห์นี้อยากจะหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังก็คือ The state De-partment of Motor Vehicle ของประเทศสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะเปรียบ ได้เหมือนกับกรมการขนส่งทางบกบ้านเรา เตรียมนำ “แผ่นป้ายทะเบียน” รถยนต์ในรูปแบบดิจิทัลมาให้บริการประชาชน และได้เริ่มการทดลองใช้งานกันบ้างแล้ว

เทคโนโลยีของป้ายดิจิทัล จะคล้ายกับเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์หรือ e-reader พร้อมระบบการสื่อสารแบบไร้สาย มาพร้อมกับชิปคอมพิวเตอร์และแบตเตอรี่ โดยป้ายนี้จะเป็นแผงดิจิทัลบอร์ดที่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อความด้วยการควบคุมจากคนขับรถยนต์หรือควบคุมระยะไกลได้

แคลิฟอร์เนียจะเป็นรัฐแรกที่เปิดให้ประชาชนสนใจเลือกใช้ป้ายทะเบียนดังกล่าวนี้ได้ภายในปีนี้ โดยเจ้าของรถยนต์จะต้องลงทะเบียนและจ่ายเงินค่าป้ายรวมทั้งค่าบริการรายเดือน โดยคาดว่าค่าป้ายจะอยู่ที่ 699 ดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าบริการรายเดือน เดือนละ 7 ดอลลาร์ ซึ่งนับว่าราคาค่อนข้างสูงทีเดียว ป้ายนี้นอกจากจะระบุทะเบียนแล้ว ยังสามารถแสดงข้อความส่วนตัวบนป้ายนี้ได้ถ้าหากได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่ดูแล

คาดกันว่าน่าจะเป็นรถยนต์ ที่ใช้ภายในบริษัทมากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลที่สนใจใช้ป้ายนี้ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการโฆษณา หรือใช้เป็นป้ายบอกสภาพจราจรหรือเตือนเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ

จุดเด่นของป้ายนี้ก็คือหากรถยนต์ถูกขโมย จะบอกเจ้าของรถและตำรวจได้ว่าตำแหน่งรถยนต์อยู่ที่ไหน หรือตามหาป้ายเจอหากโดนถอดทิ้งไว้ โดยจะมีการเริ่มโครงการนำร่องกับบริษัทขายรถยนต์แห่งหนึ่งในเมืองซานฟรานซิสโก ขณะที่เมืองซาคราเมนโตเองก็ตกลงเริ่มทดลองใช้ป้ายนี้กับรถยนต์ที่ใช้ภายในหน่วยงานนี้ 24 คัน

...

เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนี้ได้กล่าวว่า จุดประสงค์ของโครงการนำร่องนี้คือการระบุและให้รายละเอียดถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการประเมินผลและจะยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ จนกว่าจะมีบทสรุป ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางสภานิติบัญญัติของรัฐได้ให้ทางหน่วยงานนี้ไปดำเนินการสำรวจอุปกรณ์ใหม่ๆ และให้ส่งรายงานกลับไปในปี 2020 เกี่ยวกับประสิทธิภาพของป้ายทะเบียน

ภายใต้โครงการนำร่องนี้ทางรัฐสามารถอนุมัติได้ไม่ถึง 1% หากคิดจำนวนยานพาหนะถึง 35 ล้านคัน หรือคิดเป็นเพียง 175,000 คันเท่านั้น เพื่อใช้ในระหว่างการทดสอบ โดยคาดหวังว่าปีนี้จะมีผู้ใช้ป้ายทะเบียนจำนวนหลักพันคัน

เป็นอีกความเคลื่อนไหวที่ในอนาคตอาจนำมาใช้กับรถยนต์ไร้คนขับก็เป็นไปได้.

หนุ่มดิจิทัล
cybernet@thairath.co.th