งานเปิดตัว iPhone ใหม่ เพิ่งผ่านไป.. ปีนี้ครบรอบ 10 ปีไอโฟนพอดี Apple เขาเลยเล่นใหญ่ เปิดตัวไอโฟนใหม่ออกมาถึง 3 รุ่นพร้อมๆ กัน : iPhone 8, iPhone 8Plus และ iPhone X (ออกเสียงว่า ten หรือ สิบ ไม่ออกเสียงว่า “เอ็กซ์” ตามข่าวลือนะคะ)
ทีนี้หลายคนก็งง อ้าว... iPhone 9 หายไปไหน 55 อันนี้เฟื่องตอบไม่ได้นะคะ แต่ที่พอจะช่วยไขข้อของใจได้ คือ iPhone 8 กับ iPhone X แตกต่างกันอย่างไร เผื่อช่วยประกอบการตัดสินใจค่ะ สรุปแยกให้ดูแบบนี้ละกันค่ะ
จุดเหมือน
1. ด้านหลังตัวเครื่องเป็นกระจก
2. ชาร์จแบบไร้สายได้
3. Portrait Lighting : ปรับแสงบนใบหน้าคน ก่อนและหลังถ่ายได้
นอกนั้น iPhone X ให้มาจัดเต็มกว่ามาก
1. หน้าจอแจ่มกว่า (Super Retina Display): หน้าจอรุ่นนี้กว้างเต็มตากว่า แม้ขนาดตัวเครื่องจะเล็กกว่า iPhone 8Plus อยู่สักเล็กน้อย แต่ด้วยดีไซน์ไร้ขอบ ไร้ปุ่ม Home... (เอ๊.. Tagline คุ้นๆ ไหมน้า) ทำให้จอแสดงผลของ iPhone X กว้างถึง 5.8 นิ้ว (iPhone 8Plus กว้าง 5.5 นิ้ว) และที่สำคัญยังเป็นจอ OLED ที่แสดงผลแบบ HDR ได้ด้วย ทำให้ภาพคมชัดกว่า เป็นหน้าจอที่ดีที่สุดของ iPhone
2. แบตเตอรี่อึดกว่า : ทั้งๆ ที่ให้เทคโนโลยีมาจัดเต็มกว่า แต่ Apple ก็เคลมว่า iPhone X แบตเตอรี่อึดกว่า iPhone8 อยู่ประมาณ 2 ชม. (แต่ก็น่าจะพอๆ กันกับ iPhone 8Plus ค่ะ)
3. เลนส์คู่กันสั่น ทั้งสองเลนส์ (Dual OIS) : ฟีเจอร์นี้ Galaxy Note 8 ชิงเปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว ปกติเลนส์กันสั่นจะให้มาแค่เลนส์เดียว แต่กล้องคู่แนวตั้งของ iPhone X ก็ให้มาเหมือนกัน ทำให้ถ่ายภาพและวิดีโอได้ดีขึ้นแม้เคลื่อนไหวอยู่
4. ฟีเจอร์สแกนหน้า (Face ID) : iPhone X ตัดปุ่ม Home ที่เคยเป็น Signature ของไอโฟนออก นั่นหมายความว่า การปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือถูกตัดออกไปด้วย แต่เขาใช้เป็นวิธีสแกนหน้าเพื่อปลดล็อกแทน ซึ่ง Apple บอกว่า ปลอดภัยกว่า Touch ID มีโอกาสผิดพลาดแค่ 1 ในล้านเท่านั้น และไม่ว่าคุณจะแต่งหน้า / เปลี่ยนทรงผม / ใส่คอนแทกเลนส์ iPhone X จำได้หมดค่ะ
...
5. โหมด Portrait ในกล้องหน้า : โหมด Portrait มาครั้งแรกใน iPhone 7Plus (ดูเฟื่องเคยรีวิวได้ที่ : เจาะลึกเรื่องกล้อง iPhone7Plus : ดียังไง?) เกิดจากการรวมภาพระหว่างกล้องคู่ ที่เป็น เลนส์ซูม กับ เลนส์ wide ทำให้เกิดระยะชัดตื้น (หน้าชัดหลังเบลอ) จากกล้องจริงๆ ไม่ใช่ซอฟต์แวร์.. ปกติทำได้แค่กล้องหลัง แต่ iPhone X ก็ถ่ายโหมด Portrait กล้องหน้าได้ สาวๆ คงฟินมาก เพราะเซลฟี่รู้มุมด้วย หลังเบลอด้วย! อูย

6. Portrait Lighting ในกล้องหน้า : เซลฟี่เสร็จก็ปรับแสงบนใบหน้าได้ด้วย (iPhone 8 / 8Plus ทำได้แค่ในกล้องหลัง) ปรับแสงให้สว่าง หรือกระทั่งจะทำให้ฉากหลังเป็นสีดำ เหมือนถ่ายในสตูดิโอไปเลยก็ได้
7. Animoji : คำนี้เป็นศัพท์ใหม่ที่ Apple บัญญัติ มาจาก Animation + Emoji เนื่องจากกล้องหน้าเขารองรับ Face ID นั่นหมายถึงสามารถจับใบหน้าคนแบบวิเคราะห์โครงสร้าง 3 มิติได้ ดังนั้น เราจึงสามารถสร้างอีโมจิที่สนุกขึ้น จากน้องลิงหน้าเหมือนๆ กันธรรมดา ก็จะกลายหน้าน้องลิงที่แสดงอารมณ์ตามหน้าเราส่งให้เพื่อนได้ อันนี้น่าสนุก เฟื่องชอบ :D

โดยรวมๆ แล้วไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการปล่อย iPhone X มาฟาด iPhone 8 / 8Plus แบบนี้ จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจยากไหม เพราะ iPhone8 / 8Plus เป็นเหมือนรุ่นอัพเกรดมาจาก iPhone7 / 7Plus ให้เทคโนโลยีมามากขึ้น ราคาไม่แรงจนเกินไป (iPhone 8 เริ่มต้น 64GB ประมาณ 25,000 บาท)
ส่วน iPhone X นั้น กลายมาเป็น iPhone รุ่นท็อปที่สุดของ Apple ให้ทุกอย่างมาจัดเต็ม ถึงขั้นที่ Apple เคลมว่า “นี่คือสมาร์ทโฟนแห่งอนาคต” และสำหรับคนหลงใหลนวัตกรรม ยังไงเฟื่องว่าก็ต้องไปเลือก iPhone X แน่นอน (ราคาแรงมาก เริ่มต้นประมาณ 35,000 บาท)
ไว้มีโอกาสจับเครื่องจริงจะรีบมารีวิวนะคะ (เฟื่องว่า iPhone X นี่น่าจับชนกับ Galaxy Note 8 มาก ตอนนี้กำลังทดสอบเครื่อง Note 8 อยู่ ไว้ว่างๆ มาเล่าให้ฟัง)
ส่วนสรุปการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Apple อยู่ที่นี่แล้วค่ะ
...
ไปกดติดตามเฟื่องทางช่องทางโซเชียลพลางๆเพื่อพูดคุยกันก่อนได้ค่ะ เจอกันสัปดาห์หน้า :D
ABOUT ME
Instagram: http://www.instagram.com/faunglada
Facebook: http://www.facebook.com/faunglada
Youtube: http://www.youtube.com/faunglada
Twitter: http://twitter.com/faunglada
Blog: http://www.faunglada.com