บรรยากาศของงาน ThaiFest 2017 วันที่ 2 ที่เกาหลีใต้ยังคึกคัก ร้านอาหารและมวยไทยได้รับความสนใจ ส่วน นร.ไทยรัฐวิทยา 82 ขึ้นโชว์สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงานได้ชม...

เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2560 นางสาวมนชยา ครุฑจู ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ รายงานบรรยายกาศวันสองของการจัดงานเทศกาลไทย 2560 หรืองานThai Festival 2017 ครั้งที่ 3 บริเวณคลองชองกเยชอน กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ที่ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ร่วมกับ ทีมประเทศไทย จัดงานดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 ก.ค.2560 ซึ่งถือว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย ตลอดทั้งวันถึงแม้จะมีฝนตกลงมาในบ้างช่วงก็ตาม ได้มีชาวเกาหลีใต้และชาวไทยที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐเกาหลี เดินทางมาเที่ยวชมงาน ซื้อสินค้าและอาหารไทย โดยอาหารที่นำมาจำหน่ายจะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อในเกาหลีใต้ เช่น ส้มตำ, ผัดไทย, ขนมจีนแกงเขียวหวาน ,ไก่ทอด และหมูกรอบ เป็นต้น โดยเฉพาะส้มตำที่ชาวเกาหลีใต้ชื่นชอบ รวมถึงร่วมชมการแสดงที่จัดขึ้น ทั้งการโชว์ชกมวยไทย การแสดงรำกลองยาว และการแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 82 (โคกตองเจริญ) อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ในฐานะยุวฑูตวัฒนธรรม ที่ได้รับการสนับสนุนโดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ๊กซ์

...

นางภาวิณี ดาวแก้ว อายุ 54 ปี เจ้าของร้านส้มตำ ชื่ออะเมซซิ่งหนองคาย เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นชาว จ.หนองคาย แต่มาอยู่ที่เกาหลีได้ 18 ปี แล้วตอนนี้เปิดโรงงานทำลูกชิ้นและแหนม ส่งขายตามตลาดสดในเกาหลี จากนั้นจึงเริ่มเปิดร้านส้มตำโดยเปิดมาแล้ว 4 ปีและมาร่วมงานThai Festival 3 ครั้งแล้ว ซึ่งทุกครั้งที่มาออกร้านก็จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น และในปีนี้ก็ขายได้ดีเช่นเดิมเพราะคนเกาหลีชอบกินอาหารไทยมาก ส่วนที่ทำให้ส้มตำที่ร้านขายดี คงเป็นเพราะรสชาดที่คงความดั้งเดิมของส้มตำ ทั้งส้มตำไทยและส้มตำปลาร้า โดยเฉพาะคนเกาหลีที่เคยไปรับประทานส้มตำที่เมืองไทยมาก่อน เมื่อมาที่ร้านมักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รสชาดเหมือนกินที่ไทย และอยากให้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล จัดงานเทศกาลไทยไปตลอดเพราะว่าจะได้ให้คนเกาหลีได้รู้วัฒนธรรมไทย ชิมอาหารไทยและได้เห็นกิจกรรมของคนไทยว่าเป็นแบบไหน

ด้าน นายยาง ดองวอน ชาวเกาหลีใต้เจ้าของร้านสยาม กล่าวว่า ตัวเองเคยเป็นเชฟอาหารอิตาลีและฝรั่งเศส แต่เมื่อกลับมาที่เกาหลี พบว่าร้านอาหารไทยยังมีน้อยสามารถขยายตลาดได้ ประกอบกับชอบในรสชาติของอาหารไทยที่มีความอร่อย จึงเปิดร้านขายอาหารไทยโดยภายในร้านจำหน่ายอาหารเช่น หมูกรอบ ไก่ทอด ข้าวเหนียวหมูปิ้ง เป็นต้น โดยเปิดมาแล้ว 3 ปีและเพิ่งได้รับป้าย Thai select จากสำนักงานส่งส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล

น.ส.วิลาสินี โนนศรีชัย อัครราชทูตที่ปรึกษา(ฝ่ายการพาณิชย์) สำนักงานส่งส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (DITP) ณ กรุงโซล กล่าวว่า DITP เป็นหนึ่งในทีมประเทศไทย ได้นำร้านอาหารที่ได้ป้ายThai select ซึ่งเป็นป้ายรับรองมาตรฐานรสชาดอาหารแบบไทย มาออกร้านและนำตัวอย่างสินค้าไทยที่มีการนำเข้ามาแล้ว มาจัดแสดงภายในงานด้วย นอกจากนี้ยังมีบูธโครงการพัฒนานักออกแบบในตลาดเกาหลี(Young Designer Room) จากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล ที่นำผู้ผลิตนำสินค้ามาจัดแสดง เพื่อทดลองตลาดการขายสินค้าในเกาหลี ให้ผู้ออกแบบและผู้ผลิตรู้จักกลไกตลาด และความต้องการในสินค้าในแบบของคนเกาหลีใต้ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้ที่มาเดินภายในงานเป็นอย่างมาก รวมทั้งได้จัดแสดงแฟชั่นโชว์สินค้าที่มาจากโครงการพัฒนานักออกแบบในตลาดเกาหลี (Young Designer Room) โดยมีสาวงามจากเวทีการประกวดในไทย เช่น รองมิสไทยแลนด์เวิล์ด 2015 มาร่วมเดินแบบคู่กับนักมวยไทยชาย ชาวเกาหลีใต้ อีกด้วย

สำหรับการโชว์ชกมวยไทย ภายในงานThai Festival ครั้งที่3 ก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ เพราะเป็นกีฬาที่ชาวเกาหลีใต้ ชื่นชอบเป็นอย่างมาก มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ที่มีการเรียนการสอนต่อยมวยและไหว้ครูแบบมวยไทย จากข้อมูลพบว่า ชาวเกาหลีใต้สนใจและเรียนมวยไทยมากกว่า 30,000 คน รวมถึงมีสถานบันสอนมวยไทยกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ อีกด้วย

นายคิม ยัล (Mr. Kim Yar) นักเรียนไฮสคูล อายุ 20 ปี ชาวเกาหลีใต้ที่ชื่นชอบมวยไทย เล่าว่า เริ่มเรียนมวยไทยตั้งแต่อายุ 15ปี เพราะอ้วน จึงอยากลดน้ำหนักเลยตัดสินใจมาเรียน แต่เมื่อได้เล่นกีฬาชนิดนี้ก็หลงรัก จึงเอาจริงเอาจังจนปัจจุบันนี้กลายเป็นคนที่เก่งมวยไทยที่สุดในประเทศเกาหลี เนื่องจากปีที่ผ่านมา ขึ้นชก10 ครั้ง ก็ชนะ10ครั้ง และปีนี้ ขึ้นชก 7 ครั้งก็ชนะทั้งหมดและยังได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนของสาธารณรัฐเกาหลีในการเข้าแข่งขันมวยไทยในประเทศต่างๆอีกด้วย

สำหรับเวทีกิจกรรม นอกจากจะมีการโชว์ต่อยมวยไทยโดยชาวเกาหลีใต้แล้ว ยังมีการแสดงขบวนกลองยาวจากชุมชนคนไทยในเกาหลี และการแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 82 (โคกตองเจริญ) อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา ในฐานะยุวฑูตวัฒนธรรม ที่ได้รับการสนับสนุนโดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ๊กซ์ ขึ้นโชว์การแสดง ชุดออนซอนไทยแลนด์แดนอีสาน เพื่อใช้แสดงต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี ให้ไปเยือนถิ่นดินแดนอีสาน และไปสัมผัสวัฒนธรรมพื้นเมือง ที่งดงามไม่แพ้ภูมิภาคใดในสยาม ประกอบด้วย 4 การแสดงย่อย ติดต่อกัน รวม 25 นาที คือ รำ ภูไท 3 เผ่า มหกรรมนางเกราะ เบิ่งฟ้อนออนซอนอีสานและรำแพรวากาฬสินธุ์ ทั้งหมดถูกนำไปผสมผสาน ด้วยท่าทางและลีลาบวกกับดนตรี ที่สนุกสนานตามแบบฉบับวิถีชีวิตของผู้คน ที่กลายเป็นอัตลักษณ์ประจำถิ่นในภูมิภาคนี้ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา เป็นวันที่สอง แต่ไม่มีนักท่องเที่ยวละสายตาไปได้จากการแสดงอันงดงามนี้ ถึงสายฝนจะตกลงมาก็ตาม

นอกจากนี้บนเวทียังมีการจัดกิจกรรม ให้คนที่เข้าร่วมงาม ได้ร่วมสนุกด้วยการจับรางวัลตั๋วเครื่องบินไป-กลับสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เส้นทางดอนเมือง-โซล จำนวน 2 รางวัล และเส้นทางโซล-เชียงใหม่ จำนวน 2 รางวัล ให้กับผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ตามที่วัตถุประสงค์ที่ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล จัดงานในครั้งนี้

นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ภาพรวมทั้ง 2 วันถือว่าเป็นที่พอใจ ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องฝนที่ตกลงมาทั้ง 2 วันก็ตามแต่ก็พบว่ามีคนให้ความสนใจมาเที่ยวชมงานนับหมื่นคนและบางคนก็มาเที่ยวชมงานทั้ง 2 วัน ซึ่งงานThai Festivalนี้ เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นเตือให้ชาวเกาหลีไม่ลืมประเทศไทย และเป็นที่ชื่นชอบตลอดไป รวมถึงได้สัมผัส รู้จักวัฒธรรมไทย อาหารไทย ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆเป็นอย่างดี ที่สนับสนุนทั้งกิจกรรมบนเวทีและการนำร้านค้ามาจัดแสดง โดยคิดว่าจะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป ส่วนปีหน้าเป็นปีสำคัญเพราะครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-เกาหลี จึงคิดว่าจะมีการจัดกิจกรรมทั้งปีทั้งที่เกาหลีและไทย ส่วนสถานที่การจัดงานและรายละเอียดกิจกรรมต่างๆนั้น อยู่ระหว่างการหารืออีกครั้งว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด.