หนุ่ม-กรรชัย ทำแฟนรายการโหนกระแสช็อกซีนีม่าตะลึงอ้าปากค้าง นำสร้อยมรกต Lotus Arts De Vivre เส้นเดียวในโลก มูลค่า 26 ล้านบาท ที่ “มาดามเมนี่-วาสนา อินทะแสง” นักธุรกิจสาวไฮโซร่ำไห้ ประกาศตามหาทรัพย์สินสุดรักสุดหวงได้เพียงวันเดียว มาเซอร์ไพรส์กลางรายการ หลังสาวชื่อ“ตูน” นำมามอบให้ถึงช่อง 3 และรับจบแสดงตัวรับฝากไว้เองในวงเงิน 8 ล้านบาท ยินดีคืนให้เจ้าของโดยไม่มีข้อแม้แล้วจะไปไล่เบี้ยตามเงินจาก “ดิว-อริสรา” เอง ขณะที่“ซุง-ศตาวิน นาคทองเพชร” อินฟลูฯคนดัง ยืนยันดิวยืมเงิน 12.5 ล้านบาท และช็อกที่เจอเพชรปลอมมาค้ำประกัน ด้าน 2 รมต. “พ” ปฏิเสธลั่นไม่เกี่ยวข้องกับสร้อยมรกต
แม้เรื่องราวกระหึ่มสังคม ที่มาดามเมนี่ หรือเมย์-ดร.วาสนา อินทะแสง นักธุรกิจสาวไฮโซผู้โด่งดังในแวดวงธุรกิจความงามและอาหารเสริม ที่อยู่เบื้องหลัง การสร้างแบรนด์ให้กับเหล่าคนดังมากมาย ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศตามหาทรัพย์สินสุดรักสุดหวง มีสร้อยมรกตแบรนด์ Lotus Arts De Vivre เส้นเดียวในโลก มูลค่า 26 ล้านบาท นาฬิการิชาร์ด มิลล์ เรือนละกว่า 13 ล้านบาท และกระเป๋าถือ “แอร์เมส” อีก 2 ใบ รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 62 ล้านบาท ที่ดารานางร้ายระดับตัวแม่ตัวมัม ผู้ชอบโชว์การใช้ชีวิตลักชูว์หรูหรา “ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์” ขอยืมไปแก้ไขปัญหาด้านการเงินของตัวเอง แล้วเงียบหายไม่คืนและพบทรัพย์สินทั้งหมดถูกนำไปจำนำไว้ในวงเงินเพียงไม่กี่ล้านบาทนั้น จะจบลงด้วยการที่มาดามเมนี่ได้ทรัพย์สินคืนอย่างสุดเซอร์ไพรส์ แต่เรื่องราวก็เป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ ผู้คนเม้าท์มอยกันเอนจอยปาก เพราะเรื่องมันดังเปรี้ยงปร้างยิ่งกว่า “พลุวันเกิด” ของดิว-อริสรา ที่คนบางปะอินอยุธยายังจำไม่ลืม
...
โดยหลังจากวันที่ 19 มี.ค. ที่มาดามเมนี่มาเปิดใจกลางรายการ “โหนกระแส” ตามทวงทรัพย์สินดังกล่าวจาก “ดิว-อริสรา” ที่แอบนำไปจำนำอ้างว่ามาดามเมนี่ถังแตกจึงให้ดิวนำของมาแปรเป็นเงินและดิว-อริสรา ได้โฟนอินจากไต้หวันเข้ามาในรายการโหนกระแส ยอมรับกับหนุ่ม-กรรชัย พิธีกรรายการ ว่า นำของไปจำนำจริง อ้างว่าไม่มีทางออกเรื่องเงินที่ลงทุนทำธุรกิจหลายอย่าง แต่ไม่ประสบความสำเร็จและยังยอมรับว่าที่เป็นหนี้เป็นสินเพราะส่วนหนึ่งใช้เงินเกินตัว และทรัพย์สินทุกอย่างยังอยู่ครบ มีของ 1 ชิ้น ที่ผ่านผู้ใหญ่คนหนึ่งไปอยู่กับรัฐมนตรีท่านหนึ่ง คือ สร้อยคอมรกต แต่จะประสานเอาของกลับมาคืนให้ได้ ไม่ได้มีเจตนาหลบหนี เมื่อกลับถึงเมืองไทยจะไปแสดงความบริสุทธิ์ใจกับตำรวจกองปราบฯ ทำให้เรื่องราวกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่มเมือง ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงตลอดคืนวันที่ 19 มี.ค. กอปรกับเพจดัง “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” เพจจริงที่มีผู้ติดตาม 1.6 ล้านคน ออกมาเปิดโปงชอตเด็ดๆ เรื่องสร้อยมรกตว่าอยู่ที่ รมต.คนหนึ่งชื่อ พ จนเป็นที่ฮือฮาแก่ผู้ติดตามข่าว ทำให้หลายคนไม่หลับไม่นอน รอใส่ใจเรื่องราว และคืนวันเดียวกัน “เซบาสเตียน ลี” สามีชาวไต้หวันของดิว-อริสรา ก็ทำให้ผู้ติดตามไอจีส่วนตัวประหลาดใจ ด้วยการลบภาพในไอจีที่มีกว่า 2 พันภาพจนเกลี้ยงไอจี สื่อสัญญาณที่น่าฉงนใจไม่น้อย
จนเมื่อเที่ยงวันที่ 20 มี.ค. รายการโหนกระแส พิธีกร หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย นำแขกรับเชิญเป็นยูทูบเบอร์หนุ่ม “ซุง-ศตาวิน นาคทองเพชร” ผู้ที่ให้ ดิว-อริสรา ยืมเงินเป็นการช่วยเหลือตอนที่ลำบากและกำลังตั้งท้องลูกคนที่สอง อีกทั้งเป็นคนที่ดิวไปบอกกับมาดามเมนี่ว่า ต้องหาเงินมาคืนซุงให้ได้ตามกำหนดไม่อย่างนั้นจะเดือดร้อน มาแจงในรายการว่า ถูกดิวยืมเงินไป 12.5 ล้านบาท และช็อกที่เจอเพชรปลอมที่ดิวนำมาค้ำประกัน ถือเป็นวันถอดเปลือกความปลอมของนางร้ายคนดังอีกชอตใหญ่
ก่อนจบรายการ หนุ่ม-กรรชัย ได้ทำเซอร์ไพรส์สุดๆ แก่ผู้ชมรายการวันนี้ที่มีกว่า 8 แสนคน ด้วยการหยิบกล่องสีแดงกล่องหนึ่ง ออกมาเปิดโชว์สร้อยมรกต Lotus Arts De Vivre ที่มาดามเมนี่ตามหา พร้อมกล่าวว่า หลังจากออกโหนกระแสไปเมื่อวาน (19 มี.ค.) สร้อยเส้นนี้กลับมาแล้วหนึ่งเส้น ชอตนี้ถึงกับทำให้ผู้ชมตะลึงตาค้างอ้าปากอุทานกันขรมว่า “โอ้วพระเจ้าจอร์จ พี่หน่วงสุดยอดมาก” จากนั้นหนุ่ม-กรรชัย เล่าว่า มีบุคคลท่านหนึ่งติดต่อเข้ามาหามาดามเมนี่และทนายตั้ม มีการพูดคุยกันว่าสร้อยอยู่กับเขาและข้อเท็จจริงบางเรื่องไม่ได้เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่มีการพูดคุยกัน จึงนัดนำสร้อยมาคืนที่ช่อง 3 ให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบในเบื้องต้น ก่อนจะส่งไปแล็ปอีกครั้ง หนุ่ม-กรรชัยยังกล่าวด้วยว่า “ผู้ถือครองสร้อยเส้นนี้ เป็นผู้หญิงท่านหนึ่งชื่อ “ตูน” ข้อเท็จจริงที่ตนได้ยินมาจากดิวเอง มีผู้ใหญ่ รับสร้อยเส้นนี้ไป หลังจากนั้นเปลี่ยนมือไปอยู่ที่รัฐมนตรีท่านหนึ่ง”
ขณะที่หญิงสาวชื่อตูนที่ถือครองสร้อยเพชรไว้ ได้เปิดเผยเสียงในรายการโดยไม่เผยใบหน้า ยืนยันว่าเป็นคนครอบครองสร้อยไว้ในราคา 8 ล้านบาท โดยรู้จักดิวผ่านรุ่นน้อง บอกว่าจะเอาของมาฝากจำนำและไม่ได้ถามว่าจะเอาของไปทำอะไร จากนั้นก็ทำธุรกิจด้วยกันและได้เจอกัน โดยที่ตนเชื่อมาตลอดว่าสร้อยเป็นของดิว จึงนำเงินสดให้ไปช่วงปลายเดือน ส.ค. ตนพลาดเอง เพราะไม่ได้ทำสัญญา แต่ใช้แชตในการคุย หนุ่ม-กรรชัยถามว่า ดิวบอกว่าสร้อยเส้นนี้อยู่กับรัฐมนตรีท่านหนึ่งจริงหรือไม่ ตูนกล่าวว่าไม่จริง ด้วยเราทำธุรกิจเยอะ แต่คุยกับดิวบ่อยจึงรับมาและของอยู่กับตูน เมื่อถามว่ารู้จักรัฐมนตรีอักษรย่อ พ หรือไม่ ตูนบอกว่า ต้องบอกว่าใครๆก็รู้จัก ส่วนตัวไม่ได้สนิทแต่รู้จัก เพราะรู้จัก รมต.หลายท่านมาก เราเป็นผู้น้อย ไม่อยากดึงใครลงมา
หนุ่ม-กรรชัยถามตูนต่อว่า สิ่งที่ทำไม่ได้ “บัง” ให้รัฐมนตรีบางคนใช่หรือไม่ ตูนบอกว่า ไม่ได้บัง ถ้าวันนี้บอกว่าเป็นรัฐมนตรี เงินที่เราจ่ายไป 8 ล้านก็ไม่มาตกที่ตน ได้ติดต่อไปหาคุณเมย์ก่อนมาออกโหนกระแสว่า จะเอาของมาคืนแล้วจะจัดการกับดิวเอง โดยไม่ต้องไปแจ้งความในสร้อยเส้นนี้ เคลียร์จบ โดยเตรียมให้ดิวรับสภาพหนี้ ตนติดต่อกับดิวแล้ว ถือว่าดิวเป็นหนี้เรา 8 ล้าน ขอเอาเงินต้นไม่เอาดอกเบี้ย
อีกด้านวันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม ถนนพหลโยธิน กทม. เวลา 09.00 น. นายอรรถชัย แจ้งอรุณ ทนายความของ “มาดามเมนี่” เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน บก.ป. หลังเมื่อวันที่ 11 มี.ค. มาดามเมนี่มอบอำนาจให้นายอรรถชัย แจ้งความดำเนินคดีกับ “ดิว-อริสรา” ข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นกระเป๋าแบรนด์เนมและเครื่องประดับทั้งนาฬิกา สร้อยคอ รวมมูลค่ากว่า 62 ล้านบาท แต่กลับนำไปจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต นายอรรถชัยกล่าวว่า มามอบพยานหลักฐานและให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเติม เบื้องต้นกรณีดังกล่าวเป็นคดียักยอกทรัพย์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่า จากพยานหลักฐานจะเข้าข่ายความผิดอื่นๆด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ คดีนี้หากคู่กรณีนำของที่ยืมมาคืนเรื่องก็จบ
ขณะที่มีรายงานว่า วันเดียวกัน ดิว-อริสรา ส่งทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. ผู้สื่อข่าวจึงโทรศัพท์สอบถามนายนิติศักดิ์ มีขวด หรือ “ทนายเอี้ยง” ทนายความของ “ดิว-อริสรา” ได้รับการยืนยันว่าจะเข้าพบตำรวจ บก.ป. ในเวลา 11.00 น. เพื่อยื่นหนังสือยืนยันว่า ดิว- อริสรา ไม่ได้มีเจตนาจะหลบหนี หลังมีข่าวว่าหนีคดีไปไต้หวันแล้ว ทั้งที่ความจริง ดิว-อริสรา เดินทางออกนอกประเทศตั้งแต่ก่อนทราบว่าถูกดำเนินคดี ยืนยันว่าขณะนี้ลูกความยังอยู่ต่างประเทศ แต่จะรีบกลับมาเคลียร์ปัญหาทั้งหมดโดยเร็วที่สุด
ต่อมา พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่า ทนายความของเมย์-วาสนา มาให้ปากคำเพิ่มต้องสอบหลายประเด็น เพื่อให้เกิดความชัดเจน ยืนยันว่ายังไม่ได้มีการออกหมายเรียกดิว-อริสรา การที่มาดามเมย์มากล่าวหาเป็นคดียักยอกทรัพย์ ต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวน ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกมาให้ปากคำ ขอเวลาตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดก่อน ยังไม่สามารถตอบได้ว่าคดีนี้จะเป็นคดีแพ่งหรืออาญา ต้องดูรายละเอียด หากดิว-อริสรา เอาของไปและเปลี่ยนแปลงเป็นทรัพย์สินของตัวเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต จะเป็นเรื่องการยักยอกทรัพย์ ที่คดีมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี แต่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนออกหมายเรียกและคดียักยอกทรัพย์ยอมความได้ ถ้าตกลงกันได้หรือถ้าผู้เสียหายถอนแจ้งความร้องทุกข์คดีอาญาก็จบ
ส่วนทรัพย์สินของมาดามเมนี่ ตกไปอยู่กับบุคคลที่ 3 จะมีความผิดหรือไม่นั้น พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า สิ่งของที่ไปอยู่กับบุคคลที่ 3 ต้องตรวจสอบก่อนว่า บุคคลที่ 3 รู้หรือไม่ หากรู้ว่าทรัพย์นั้นเป็นทรัพย์ของบุคคลอื่น ที่ไม่ใช่ของผู้ที่เอามาให้และเป็นการยักยอกทรัพย์หรือลักทรัพย์นั้น ต้องขอตรวจสอบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับบุคคลที่ 3 แต่หากรู้และมีพฤติกรรมซ่อนเร้นเอาไว้ จะเข้าข่ายรับของโจรอยู่ที่เจตนาของบุคคลที่ 3 ว่า รู้แล้วแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างไร ถ้าทรัพย์สินพิสูจน์ได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มาจากการกระทำความผิด ตำรวจยึดได้เลย
ต่อมานายนิติศักดิ์ มีขวด หรือทนายเอี้ยง ทนายความของดิว-อริสรา ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯว่า หลังจากดิว-อริสรา ชี้แจงข้อเท็จจริงในรายการโหนกระแสและรับทราบว่า ฝั่งของ ดร.เมย์-วาสนา อินทะแสง แจ้งความร้องทุกข์แล้ว จึงได้พูดคุยกับตน ได้ข้อเท็จจริงยืนยันว่า การไปไต้หวันไม่ใช่การหลบหนี ดิวไม่ทราบมาก่อนว่าถูกแจ้งความ เมื่อทราบเรื่องจึงรีบประสานให้ตนมายื่นหนังสือกับพนักงานสอบสวนกองปราบฯ แสดงความบริสุทธิ์ใจและยืนยันว่าที่ไปต่างประเทศเพราะต้องการไปดูแลลูก ไม่มีเจตนาหลบหนีคดี หลังจากนี้ยินดีที่จะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนและให้ความร่วมมือทุกประการ
ทนายเอี้ยงกล่าวอีกว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้น จากการพูดคุยเป็นไปตามที่ได้ชี้แจงในรายการ ดิวต้องการยืมทรัพย์สินตามที่ตกลงกันไปใช้แก้ปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้น แต่เกิดข้อผิดพลาดเนื่องจากเจ้าหนี้ของดิวต้องการเงินสด จึงจำเป็นต้องนำทรัพย์สินไปจำนำเพื่อให้ได้เงินสดและคุณเมย์รับทราบเรื่องที่มีการนำทรัพย์สินไปจำนำ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันมาตลอด แต่จะรับทราบก่อนหรือหลังรับจำนำเรื่องนี้ไม่ทราบ ดิวไม่มีเจตนาที่จะฉ้อโกงและทำให้ทรัพย์สินสูญหาย เพียงแต่ว่าต้องการจะแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด อีกทั้งร้านรับจำนำก็รับจำนำอย่างถูกต้อง ส่วนที่ว่าทำไมทรัพย์สินบางรายการมีมูลค่าสูงถึง 20 ล้านบาท แต่ทำไมนำมาจำนำในราคาแค่ 8 ล้านบาท เป็นเพราะคุณดิวต้องการจะจำนำในราคาที่มาทบกับหนี้ที่มีอยู่ 21 ล้านบาท ยอมรับว่าเนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่มีเงินสด จึงต้องให้ของมายืมแทน เชื่อว่าหากให้ยืมเงินสดแต่แรกจะไม่เกิดปัญหานี้
ทนายเอี้ยงยืนยันด้วยว่า คุณดิวพร้อมที่จะรับผิดชอบชดใช้ในหนี้สินและเงินที่ได้จากการจำนำทั้งหมด รวมทั้งพร้อมพูดคุยทั้ง 3 ฝ่ายเพื่อต้องการเคลียร์ปัญหาให้จบโดยเร็ว ขณะนี้กำลังพูดคุยหารือกับผู้ใหญ่เพื่อให้ได้เงินมาชดใช้หนี้ ส่วนเรื่องรัฐมนตรีที่มามีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ไม่ทราบ ยังไม่ได้พูดคุยกับคุณดิว เรื่องคดีขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนพิจารณาว่าเป็นเพียงแค่เรื่องแพ่งหรือเป็นคดีอาญา ยืนยันว่าจะไม่มีการนำข้อกฎหมายมาต่อสู้เพื่อเอาชนะ แต่มุ่งเน้นพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาให้จบโดยเร็ว เพราะคุณดิวเครียดและเสียใจที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ต่อมานายอรรถชัย แจ้งอรุณ ทนายความของมาดามเมนี่ เปิดเผยหลังเสร็จสิ้นการให้ปากคำกับตำรวจว่า เป็นการให้ปากคำเพิ่มเติมในการนำเสนอข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเรื่องที่อาจมีบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมมือในการกระทำดังกล่าว มองว่าอาจพัฒนาไปเป็นการเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงได้ ขอให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนและศาล ในการดำเนินคดีว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงหรือไม่ ย้ำว่าประเด็นคดีนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครพูดอะไร ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน มีหลายคนติดต่อมา อ้างว่ามีทรัพย์สินของคุณเมย์อยู่ในมือ แต่ยังไม่เชื่อเพราะยังไม่เห็นทรัพย์สินที่แท้จริง เช่นเดียวกับประเด็นเรื่องทรัพย์สินของคุณเมย์ที่อยู่ในมือรัฐมนตรี มีนักการเมืองโทร.มาหาเช่นเดียวกัน แต่ขอไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร ยินดีที่จะมีการเจรจาทั้ง 3 ฝ่าย บนหลักการพื้นฐานง่ายๆ ว่าใครที่เอาของไปแค่เอามาคืนเท่านั้น
หลังให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น นายอรรถชัยได้พบกับทนายเอี้ยงโดยบังเอิญและทนายเอี้ยงเดินเข้ามาขอจับมือนายอรรถชัยและบอกว่า แจ้งความแล้วก็ไม่เป็นไร เรามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ นายอรรถชัยจึงพูดขึ้นทันทีว่า “รบกวนเอาของมาคืนเร็วๆ” ทนายเอี้ยงบอกกลับไปว่า คุณดิวคุยกับคนที่เอาของไปแล้ว เดี๋ยวจะเอามาคืนบางส่วน คาดว่าจะจบในเร็วๆนี้
ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ที่เป็น 1 ในอักษรย่อ “พ” ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสร้อยมรกต ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า รู้จักหรือเกี่ยวข้องกับ “ดิว” หรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า ไม่รู้จักสักคน ไม่สนใจเรื่องนี้ เรื่องดังกล่าวพอได้ยินบ้างและไม่ได้เกี่ยวข้อง สร้อยมรกตเคยเห็นแค่ในรูปตามข่าว เรื่องนี้ผมไม่สนใจ ดูได้เลย ขนาดนาฬิกาข้อมือผมก็ยังไม่ใส่เลย ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไร ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนแน่นอน ผมไม่ใช่ รมต.รับสร้อยเพชรไฮโซเมย์จากดิว ผมไม่เคยรู้จักกัน
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่