แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 กลุ่มวัยรุ่นอายุ 16 - 20 ปี พร้อมเช็กเงื่อนไขการใช้เงิน รวมไปถึงพื้นที่การใช้ ยังเป็นพื้นที่ภายในอำเภอ สามารถจ่ายค่าเทอม ค่าน้ำค่าไฟได้ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้
วันที่ 10 มีนาคม 2568 มีรายงานว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกันแถลงภายหลังประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ กรณีความคืบหน้ากรณีการแจกเงินดิจิทัล 10,000 (Digital Wallet) เฟส 3 โดยมีรายละเอียดดังนี้
ผู้ได้รับสิทธิเงินดิจิทัล เฟส 3
ประชาชนที่มีอายุ 16-20 ปี คาดว่าการแจกจะอยู่ในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 - ไตรมาสที่ 3 (ช่วงปลายเดือนมิถุนายน-ต้นเดือนกรกฎาคม) ซึ่งจะรอดูความเรียบร้อยและพิจารณาถึงความคุ้มค่าในอนาคตและปัจจุบันก่อน รวมถึงประโยชน์ที่ได้ในการวางพื้นฐาน ซึ่งต้องดูให้ละเอียดถี่ถ้วนและยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะเข้าที่ประชุม ครม. เมื่อไร
เงื่อนไขการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตครั้งนี้ เป็นการตั้งโครงการขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยการดึงข้อมูลมาจากแอปพลิเคชันทางรัฐ ส่วนรายละเอียด การใช้เงินค่อนข้างที่จะคล้ายเดิม แต่เรื่องของสินค้า ไม่กำหนดห้าม จะกำกับดูแลการลงทะเบียนของร้านค้าแทน จะมีข้อห้ามว่าร้านค้าที่ไม่ให้เข้าร่วมจะเป็นลักษณะใด

...
ยกตัวอย่าง ร้านทอง ร้านที่ขายเหล้าโดยเฉพาะ แต่ไม่ได้ห้ามตรวจสินค้า ยกตัวอย่าง หากนำไปใช้ในร้านโชห่วย ที่มีสินค้าหลากหลาย ก็สามารถซื้อได้ทุกประเภท พร้อมกับมีการปรับเปลี่ยน โดยการทำให้ง่ายขึ้น คือ ถอดการขึ้นเงินสดของร้านค้า โดยให้ร้านค้าทุกประเภท สามารถขึ้นเงินได้ โดยไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในการเสียภาษี เพื่อให้เกิดการสะดวกแก่ร้านค้า และเป็นการเชิญชวนให้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการมากขึ้น
พื้นที่ในการใช้เงินดิจิทัล
ยังคงเป็นพื้นที่ภายในอำเภออยู่ สามารถจ่ายค่าเทอมได้ จ่ายค่าน้ำค่าไฟได้ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ โดยหวังผลการกระตุ้นเศรษฐกิจมาก เพราะจากการกระตุ้นเศรษฐกิจไป 2 รอบ มีผลสำรวจออกมาจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มีผลที่ดีทั้ง 2 รอบ มีการหมุนเวียนและกระจายตัวที่ดีมาก และรอบนี้เชื่อว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เพราะใช้กลไกของดิจิทัลวอลเล็ต จะสามารถจำกัดตัวเม็ดเงินไปในจุดที่ต้องการได้มากขึ้น และเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งนี้ยังมีกลไกในการเติมเงิน อายุ 16-20 ปี เพื่อไปใช้เรื่องปัญหาค่าครองชีพ และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไปในอนาคต
นายจุลพันธ์ ยืนยันกลุ่มที่มีอายุ 20 - 59 ปียังมีสิทธิรับเงิน 10,000 บาทแน่นอน เพราะมีเม็ดเงินรอไว้อยู่ 1.5 แสนล้านบาท กรอบระยะเวลาในการใช้เงินก็เหลือไตรมาสเดียว ดังนั้น กลุ่มถัดไป ก็คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน