สจจ.ชุมพร เผย เคสเด็กหญิงวัย 3 ขวบ เสียชีวิตหลังติดเชื้อไวรัส ยืนยันเป็นไวรัสปกติทั่วไป มีโอกาสเสียชีวิตได้ในอัตรา 0.01% ย้ำจะไม่อันตรายรุนแรง หากกินร้อนช้อนกลาง ดูแลป้องกันตัวเอง

จากกรณีโลกออนไลน์ แชร์เรื่องราวเศร้าจากคุณแม่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่เล่าอุทาหรณ์ของลูกวัย 3 ขวบ ติดเชื้อไวรัสแล้วลามไปที่หัวใจ ทำกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน โดยไม่มีสัญญาณบอกเตือนใดๆ มีเพียงไข้อ่อนๆ แต่จู่ๆ ลูกก็มีอาการชักเกร็ง เมื่อพาไปโรงพยาบาลทันที หมอช่วยปั้มหัวใจ ใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจ แต่ช่วยไม่ได้ น้องเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (พ่อแม่ใจแทบขาด เล่าอุทาหรณ์สูญเสียลูกวัย 3 ขวบ หลังเชื้อไวรัสลามไปที่หัวใจ)

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 68 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร โดยบริเวณซุ้มประตูรั้วหน้าบ้าน ระบุชื่อ บ้านน้องไดอาน่า พบว่ากำลังจัดสถานที่เพื่อตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ "น้องไดอาน่า" ด.ญ.ภัควลัญชญ์ ขุนชัย อายุ 3 ขวบ โดยมีนายภูวนาท ขุนชัย อายุ 30 ปี และ น.ส.อภิชญา ขุนชัย อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของน้องไดอาน่า พร้อมกับบรรดาญาติและเพื่อน กำลังอยู่ในความเศร้าโศก นั่งปลอบใจให้กันและกันที่ต้องสูญเสียลูกคนเดียว และเป็นหลานสาวสุดที่รักของครอบครัวในวัยอันควร

นายภูวนาท และ น.ส.ภัควลัญชญ์ พ่อและแม่ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตาว่า ตั้งแต่น้องไดอาน่าเกิดมา ตนเองและครอบครัวทะนุถนอมปานแก้วในหิน น้องเป็นอะไร ไม่สบายทุกคนก็จะมาทันที และส่วนใหญ่ที่ผ่านมานั้น น้องไดอาน่าก็จะเพียงเป็นไข้ ไม่สบายเท่านั้น ไม่มีอาการอะไรบ่งบอกว่ามีโรคร้าย หรือเชื้ออะไรแฝงตัวอยู่ในตัวน้อง จะมีเพียงเมื่อตอนอายุ 9 เดือน น้องเป็นไข้และชัก และก็ถึงมือหมออย่างทันท่วงที และหลังจากนั้นตนเองและคนอื่นก็จะคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอด เพราะกลัวว่าน้องไดอาน่าจะเกิดอาการชักอีก หากเป็นไข้ไม่สบาย

...

แพทย์แจงเคส เด็กวัย 3 ขวบ เสียชีวิตหลังติดเชื้อไวรัส ยืนยันไม่ใช่เชื้อตัวใหม่

หลังจากที่เคยชักมาแล้ว ก็ไม่เคยมีอาการในลักษณะนั้นอีกเลย จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2566 ตนเองได้พาครอบครัวไปท่องเที่ยวทางภาคเหนือ และเมื่อกลับมา น้องไดอาน่าก็เป็นไข้ ซึ่งตนก็ดูแลเช็ดตัวให้กินยา ตามที่หมอเคยบอกวิธีการดูแลเด็กเล็กทุกประการ แต่หากหนักเกินมือพ่อแม่ ก็จะรีบพาน้องไดอาน่าส่ง รพ.เอกชนทันที และครั้งนี้ถือว่าหนักเอาการ รักษาน้องอยู่หลายวัน และเมื่อหลังจากที่รักษาจนหาย ก็กลับมาอยู่บ้านและไปเนอสเซอรีปกติ แต่จะไม่ปกติก็เพราะน้องจะเป็นไข้ง่าย เหมือนภูมิแพ้ อากาศเปลี่ยนก็จะเป็น แต่ไม่หนักมากเหมือนครั้งนี้

พ่อและแม่กล่าวต่อว่า ครั้งนี้ ก่อนจะเสีย น้องไดอาน่าเป็นไข้ และวัดปรอทมีไข้สูงเพียง 37.4 เท่านั้น และได้เช็ดเนื้อเช็ดตัว จนไข้ลดลง น้องไดอาน่าก็เล่นปกติกับทุกคน จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ ขณะที่ตนเองกำลังจัดเตรียมของกินให้ น้องไดอาน่าได้วิ่งมาหาตนพร้อมกรีดร้อง ตนเองตกใจมาก จึงได้อุ้มมาที่หน้าบ้านและน้องมีอาการแน่นิ่งและก็ฉี่แตกใส่ แต่ตนเองก็ไม่เอะใจ ก็พยายามเช็ดตัวนวดตัว จนอาการดีขึ้น ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน แต่ไม่นาน น้องก็เกิดอาการขึ้นมาอีก ครั้งนี้ก็รุนแรง ทุกคนจึงรีบพาขึ้นรถขับไป รพ.เอกชน ที่รักษาน้องทุกครั้ง แต่ระหว่างทาง ก่อนถึง รพ.น้องไดอาน่าอึและฉี่แตก ตาเหม่อลอย เมื่อถึง รพ. แพทย์ก็ได้นำเข้าห้องฉุกเฉินและใส่ท่อหายใจทันที ก่อนจะบอกว่าน้องต้องใส่ท่อหายใจ ซึ่งครั้งแรกตนเองก็จะไม่ยอม แต่แพทย์บอกว่า น้องหายใจเองไม่ได้ ต้องใช้ จึงตัดสินใจยอม ก่อนนำตัวส่ง รพ.ชุมพร ซึ่งเป็น รพ.ของรัฐ

ขณะที่นำตัวน้องไดอาน่าขึ้นรถพยาบาล ส่ง รพ. น้องยกมือยกไม้ ตนก็พยายามปลุกลูกตลอดจนถึง รพ.ชุมพร แพทย์ได้ปั๊มหัวใจน้องหลายครั้ง และแพทย์ก็มาบอกให้ทำใจแต่หมอจะช่วยให้ถึงที่สุด แต่ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง ไม่ถึงชั่วโมง แพทย์ก็ออกมาบอกว่า น้องไดอาน่าได้จากไปแล้ว จากภาวะติดเชื้อไวรัสที่มาจากอากาศ ทำให้หัวใจน้องหยุดเต้นเฉียบพลัน ซึ่งสร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับตนเป็นอย่างมาก จึงได้โพสต์ข้อความถึงสาเหตุที่ลูกสาวเสียชีวิตมาจากไวรัสที่อยู่ในอากาศ จนทำให้หลายๆ คนออกมาแสดงความเสียใจและเริ่มตระหนักว่าไวรัสตัวนี้มันร้ายกาจจริงๆ (มีเสียงย่ายายด้วย)

แพทย์แจงเคส เด็กวัย 3 ขวบ เสียชีวิตหลังติดเชื้อไวรัส ยืนยันไม่ใช่เชื้อตัวใหม่

ด้านนายแพทย์อนุ ทองแดง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ขอประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ สำหรับเด็กหญิงอายุ 3 ขวบ ที่เสียชีวิตดังกล่าวนั้น อาจจะมาจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน เนื่องจากผู้ปกครองที่อยู่ในอาการช็อกเสียใจกับการสูญเสียลูกสาว ความจริงแล้วไวรัสชนิดดังกล่าวมีอยู่ทั่วๆ ไป หรือที่เรียกว่า Enterovirus (เอนเทอโรไวรัส) ซึ่งมีมานานแล้ว เป็นเชื้อไวรัสตัวเก่าไม่ใช่ตัวใหม่ เชื้อสามารถอยู่ได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง ก็จะถูกทำลายไปกับแสงแดด ความร้อน ความแห้ง และสภาพอากาศ

สำหรับผู้ป่วยรายนี้ ซึ่งมีอาการป่วยก่อนเข้าโรงพยาบาล 2 วัน มีอาการไข้ คลื่นไส้ และต่อมามีชักเกร็ง จากนั้นผู้ปกครองพาเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแล้วเสียชีวิต ซึ่งข้อมูลจากผลเลือดทราบว่า ผู้ป่วยรายนี้ติดเชื้อไวรัสปกติทั่วไปในกลุ่มของ Enterovirus (เอนเทอโรไวรัส) แต่เชื้อได้ลงสู่หัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบรุนแรงเฉียบพลันจนเสียชีวิต โดยทั่วไปแทบจะไม่มีผู้เสียชีวิตเลย ครั้งนี้ถือว่าอยู่ในอัตรา 0.01% ซึ่งที่ผ่านมาใน จ.ชุมพร มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ มีทั้งหมด 8 ราย ไม่มีใครเสียชีวิต แต่รายใหม่นี้เสียชีวิต

นายแพทย์อนุ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก เพราะไวรัสชนิดนี้ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพแวดล้อมและสังคมทั่วๆ ไปอยู่แล้ว ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดอันตรายรุนแรงและเสียชีวิต ถ้าเราป้องกันดูแลตัวเอง เช่น กินร้อนช้อนกลาง ทำความสะอาดพื้นผิว ล้างมือบ่อยๆ ก็สามารถป้องกันไวรัสชนิดนี้ได้อยู่แล้ว หลังเกิดเหตุนี้ขึ้นมา ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่น้องไปเรียน และบ้านที่อยู่อาศัยของน้อง เพื่อสอบสวนโรค และให้คำแนะนำ ทำความเข้าใจ และการดูแลสภาพแวดล้อมต่างๆ ซึ่งขอยืนยันว่าไวรัสชนิดนี้ไม่ใช่ไวรัสตัวใหม่ เหมือนที่เข้าใจกันในสื่อออนไลน์ จึงขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ ให้ใช้ชีวิตตามปกติและดูแลสุขภาพปฏิบัติตนเองตามที่หมอแนะนำ