สปสช. เร่งสอบกรณี แม่พาลูกตระเวนรักษาภูมิแพ้ที่ รพ. นำยาพ่นจมูกมาขายออนไลน์ ย้ำหากพบทำผิดจริง จะดำเนินการทางกฎหมายจนถึงที่สุด
วันที่ 19 ธันวาคม 2567 จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวของแม่ท่านหนึ่ง นำยาพ่นเพื่อบรรเทาอาการภูมิแพ้และคัดจมูก ซึ่งได้รับการพาลูกเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และนำมาขายทางออนไลน์ โดยระบุถึงการใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ จนกลายเป็นประเด็นที่หลายคนต่างแสดงความคิดเห็นว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นการผลประโยชน์จากนโยบายประกันสุขภาพ นั้น
ล่าสุด มีรายงานว่า ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ขอขอบคุณที่ได้มีการนำเสนอข้อมูลนี้มาเผยแพร่ และขอเรียนว่าระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นระบบที่ถูกออกแบบให้ทำหน้าที่เป็นหลักประกัน
และสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้กับประชาชน หากเจ็บป่วยไม่ว่าเล็กน้อย หรือป่วยหนัก สามารถเข้าถึงการรักษาได้โดยไม่ต้องมีอุปสรรคทางการเงิน งบประมาณกองทุนทุกบาททุกสตางค์ล้วนมาจากภาษีประชาชน การใช้จ่ายงบประมาณ จึงต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนตามที่กฎหมายกำหนด
การนำยาที่ได้รับจากโรงพยาบาลไปจำหน่ายในเว็บไซต์ และกลุ่ม Social Media ตามที่ปรากฎเป็นข่าว หากเป็นเรื่องจริง ถือเป็นเรื่องไม่สมควร เพราะนอกจากจะเป็นการเอาเปรียบผู้ป่วยท่านอื่นแล้ว ยังเป็นเพิ่มภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์โดยไม่จำเป็น อีกทั้งเป็นการกระทำผิดกฎหมายที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นนี้ สปสช. จะประสานหน่วยบริการที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมข้อมูลและเร่งดำเนินการตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้ โดยเฉพาะการเบิกจ่ายยาพ่นเพื่อบรรเทาอาการภูมิแพ้ที่เป็นข่าว หากพบว่ามีการมารับยาและนำไปจำหน่ายจริง สปสช. จะดำเนินการทางกฎหมายจนถึงที่สุด
...
รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า ขอเตือนไปยังผู้ที่กระทำพฤติกรรมดังกล่าว หรือผู้ที่จะทำตามแบบอย่าง เพราะนอกจากจะถูกดำเนินการทางกฎหมายแล้ว ยังเป็นผู้ที่บ่อนทำลายต่อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เป็นหลักประกันสุขภาพของคนไทยทุกคนด้วย ทั้งนี้หากพบข้อมูลใดๆ ขอให้แจ้งมาที่ สปสช. เพื่อที่จะเร่งดำเนินการต่อไป.
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ