"ท่าน ว.วชิรเมธี" โพสต์แจงข้อเท็จจริง ดราม่าคลิปเทศน์สอนบรรยายธรรมะ กล่าวถึงดิไอคอนฯ เป็นเพียงการสร้างอารมณ์ขันตามประสานักพูด ยันพระที่ถูกเชิญไปเทศน์ ทุกรูปไปด้วยใจสุจริต

วันที่ 15 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแสดงความคิดเห็นหลังปรากฏคลิปและภาพของท่าน ว.วชิรเมธี ขณะที่เทศน์บรรยายสอนทีมผู้บริหารดิไอคอนฯ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางเฟซบุ๊ก พระเมธีวชิโรดม - ว.วชิรเมธี ได้โพสต์ข้อความ ชี้แจงระบุว่า "ประกาศขออภัย และทำความเข้าใจให้ตรงกับความจริง"

1. หลังจากติดตามสถานการณ์ของบริษัท ดิไอคอน อย่างใกล้ชิด ก็เข้าใจว่า น่าจะมีความไม่ชอบมาพากลหลายแง่มุมดำรงอยู่จริง ตามที่ผู้บริหารได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ล่าสุดใน The Standard (14 ต.ค.67)

2.แต่ภาพใหญ่ก่อนหน้านั้น ที่บริษัท ทำธุรกิจอย่างเปิดเผย โดยมีซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยมาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ หรือผู้บริหารด้วย จึงทำให้คนที่เห็นภาพและข่าวเชื่อได้ว่า น่าจะมีความโปร่งใสในทุกขั้นตอน พระทุกรูปที่ได้รับนิมนต์ไปเทศน์ก็คงคิดเช่นนั้น

3. ทุกเดือนทางบริษัทจะนิมนต์พระไปสอนธรรมะ และทำบุญถวายสังฆทานเป็นประจำ ผู้เขียนเอง ก็เป็นเพียงหนึ่งในพระสงฆ์ที่ได้รับนิมนต์ให้ไปเทศน์ไปสอน ต่างแต่ว่า ในการมานิมนต์ผู้เขียนนั้น ทีมผู้บริหารมานิมนต์ถึงวัดที่จังหวัดเชียงราย และมาร่วมถวายทุนการศึกษาด้วย (จึงมีภาพเยอะหน่อย)

4. ในการสอนเมื่อต้นปีที่ผ่านมานั้น ผู้เขียนสอนเรื่อง "หัวใจเศรษฐี" หรือกุญแจสู่ความสำเร็จตามหลัก "ทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์" ซึ่งมีหลักฐานอ้างอิงอยู่ในพระไตรปิฎกชัดเจน (1.ขยันหา-2.รักษาดี-3.มีกัลยาณมิตร-4.ใช้ชีวิตสมดุล) โดยสอนผ่าน 3 วลีสำคัญคือ "อดทนให้ได้ ใจเย็นให้พอ และรอให้เป็น" ใช้เวลาบรรยายถึง 1 ชั่วโมง 12 นาที (ไม่ใช่อย่างที่ตัดมาบางส่วน)

...

ระหว่างที่บรรยายให้รู้จักสร้างเนื้อสร้างตัวตามแนวพุทธด้วยความอดทน ใจเย็น ไม่ใจเร็วด่วนได้ ผู้เขียนจึง "แซว" หรือ "ประชดแดกดัน" คนที่มาฟังทั้งห้องประชุมว่า ถ้า "อดทนไม่ได้ ใจเย็นไม่พอ และรอไม่เป็น "จะเอาให้รวยทันใจเลย…เช่นนั้นแล้ว ก็แซวว่า "ลูกเอ๋ย ทำอย่างนั้นก็ดิไอคอนแล้ว…"  ซึ่งทุกคนที่นั่งฟังก็หัวเราะ เข้าใจ, คำพูดที่ (ใครก็ไม่รู้) ตัดมาเป็นคลิปนั้น

โดยบริบทเป็นเพียงคำพูดหยิกแกมหยอกธรรมดา ตามประสานักพูดทั่วไป ที่อยากให้มีอารมณ์ขันเท่านั้น เป็นการแซะ การแซว ไม่ได้มีนัยจริงจัง ซีเรียสถึงขั้นที่จะเอามาปั่นว่าพระมีส่วนร่วมทางธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น คนฟังทุกคนในห้องฟังแล้วก็เข้าใจ ขำๆ ฮาๆ จบแล้ว ถวายสังฆทาน กลับบ้าน มีแค่นั้น (ที่สำคัญ Case study ที่ยกมาเล่าก็เป็นเรื่องราวก่อนโควิด ไม่เกี่ยวอะไรกับดิไอคอน)

5. ผู้เขียนเรียนธรรมะมาจนสำเร็จการศึกษาขั้นสูงสุดของคณะสงฆ์ไทย คือเปรียญธรรม 9 ประโยค ดังนั้น ในการเทศน์การสอน จึงเน้นแต่ข้ออรรถ ข้อธรรมที่มีแก่นสาร แม้จะเทศน์ด้วยภาษา ตัวอย่างร่วมสมัย แต่ก็สามารถโยงกลับไปหาพระไตรปิฎกได้เสมอ ไม่ได้สอนแบบมั่วๆ อย่างที่ตัดมาให้คนด่า หรือให้คนเข้าใจผิด เรื่องนี้ ปัญญาชนที่ติดตามผู้เขียนมาตลอด ย่อมรู้จักกันดีอยู่แล้ว

6. แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อบางส่วนของการเทศน์การสอน ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดออกไปในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง เพราะคลิปที่ตัดมาไม่ครบถ้วนกระบวนความ ถึงกระนั้น ผู้เขียนก็ยินดีขออภัยจากใจจริงมา ณ ที่นี้ด้วย ที่อย่างน้อยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น ต่อไปก็จะสำรวมระวังไม่ให้มีความพลาดพลั้งเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ขอบพระคุณทุกคนที่เตือนมาด้วยความรักและห่วงใย

7.ขอย้ำตรงนี้ว่า พระทุกรูปที่เคยไปเทศน์ไปสอนที่บริษัท ทุกรูปไปด้วยใจสุจริตในฐานะพระที่ได้รับนิมนต์ไปสอนไปฉันเท่านั้น ไม่มีรูปไหนเข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทเชิงธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องเช่นนี้เพียงใช้ Common Sense ก็น่าจะเข้าใจได้ ไม่ควรพยายามลากไปให้เห็นเป็นว่า มีพระเข้าไปวุ่นวายอยู่ในธุรกิจ  ผู้เขียนจึงขอทำความเข้าใจให้ตรงกัน ด้วยใจที่เป็นธรรม รักความจริง และหวังความสุขความเจริญต่อกัน

ว.วชิรเมธี, (ในนามตัวแทนของพระสงฆ์ ที่เคยไปสอนที่บริษัทดิไอคอน)

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก พระเมธีวชิโรดม - ว.วชิรเมธี