“บิ๊กต่าย” เรียกประชุมคณะทำงานคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ก่อนพูดคุยกับผู้เสียหายด้วยตัวเอง ลั่นถ้าผลสอบสวนออกมาพบความผิดดำเนินคดี ทุกคนไม่มีละเว้น เบื้องต้นจ่อประสาน ปปง.ยึดทรัพย์เน้นตัวหลักก่อน ส่วนยอดสอบปากคำผู้เสียหายวันแรก 91 คน ความเสียหาย 35 ล้านบาท อึ้งเหยื่อออกมาแฉ ไม่ได้สอนให้ขายสินค้าอย่างที่คุย แต่สอนให้หาคนมากระจายสินค้าด้วยการยิงแอดโฆษณา ด้านศิลปินเรียงแถวแจง “กันต์” ประกาศยุติบทบาทพิธีกร ตกค่ำ ดิ ไอคอน กรุ๊ป โพสต์ป้อง 5 ดารา กันต์-แซม-มิน เป็นเพียงผู้ช่วยทำการตลาด ส่วนบอยและโดมเป็นแค่พรีเซนเตอร์

ภายหลัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบตร. สั่งการ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงมาดูกรณี THE iCON GROUP บริษัทธุรกิจออนไลน์และผลิตภัณฑ์อาหารหารเสริมสุขภาพ หลังสื่อออนไลน์ตีข่าวเข้าข่ายหลอกลงทุนเป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยใช้ศิลปินดาราคนดังเป็นตัวดึงดูด พร้อมสั่ง บก.ปคบ.ตั้งศูนย์รับเรื่องเรื่องทุกข์ ขณะที่ “แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี” ดาราดังที่ถูกระบุเป็น 1 ในผู้บริหารเปิดใจประเด็นร้อนถูกระบุเป็น 1 ในผู้บริหาร ดูแค่ผลิตภัณฑ์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขาย ส่วน “บอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” เจ้าของบริษัทที่ตกเป็นข่าวฉาว โผล่โพสต์แจงยันทำธุรกิจด้วยความโปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบผ่านกระบวนการยุติธรรม ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

เหยื่อทยอยแจ้ง บช.ก.

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ฯ พาผู้เสียหายกว่า 20 คน จาก 500 คน เข้าให้ข้อมูลพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.หลังร่วมลงทุนเปิดบิลกับบริษัท “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ที่มีดาราเป็นผู้บริหาร ปรากฏว่าของขายไม่ออกแต่ยังต้องหาลูกทีมเพิ่ม โดยผู้เสียหายบางรายยังถูกให้เซ็นเอกสารปิดปากห้ามแจ้งความด้วย

...

แฉขั้นตอนลวงทำธุรกิจ

นางเอ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหาย เผยว่า เห็นโฆษณาทางทีวีหรือผ่านโซเชียลว่าบริษัทดังกล่าวเปิดสอนทำธุรกิจออนไลน์ฟรี 50-100 คนแรก หรือมีค่าเรียนแค่ 98-99 บาท สนใจสมัครเรียนจนมาวันที่ 3 จะมีระดับแม่ทีมมาสอนแนะนำทำธุรกิจ อ้างว่าสามารถสร้างรายได้อีกกระเป๋า แต่ต้องเสียค่าสมัครเพื่อร่วมธุรกิจ 2,500 บาท จะได้สินค้าและมีระบบหลังบ้านให้ทั้งหมด มีดารานักแสดงชื่อดังร่วมงาน พบเจอได้เฉพาะงานอีเวนต์แต่จะมีค่าบัตรเข้าร่วมงาน 1,500 บาท เท่าที่เห็นและได้ยินจะมี 3 คน ไม่ใช่แค่พรีเซนเตอร์ แต่เป็นระดับผู้บริหารที่เรียกว่า “บอส”

แนะเพิ่มวงเงินบัตรเครดิต

นางเอกล่าวต่อว่า พอเริ่มสนใจลงทุนธุรกิจช่วงแรกเงินมีไม่พอ บัตรเครดิตก็มีไม่พอ แม่ทีมแนะนำให้ขยายวงเงินบัตรเครดิต ให้โทร.ไปหาธนาคารขยายวงเงิน ประกอบตอนนั้นแม่ทีมขายฝันว่าส่วนแบ่งและผลกำไรจะได้เยอะ ตัดสินใจหาเงินเข้าไปลงทุนใช้เงินเก็บทุกบาทในชีวิตพร้อมกับเงินจากบัตรเครดิตจนตอนนั้นไม่เหลือแม้แต่เงินจะกินข้าว หลังจากลงทุนไปแล้วไม่ใช่การขายของเหมือนกับการที่ถูกขายฝันไว้ แต่ให้ไปโฆษณาในโซเชียลเหมือนที่เคยเจอตอนแรกด้วยการยิงแอดโฆษณาลงในเฟซบุ๊ก เป็นการขายสินค้าเหมือนกับที่ซื้อมา

เอะใจไม่สอนให้ขายสินค้า

ผู้เสียหายรายเดิมกล่าวต่อว่า การโฆษณาทางบริษัทจะมีสคริปต์ให้พูดทุกอย่าง หากหาดีลเลอร์ หรือลูกค้ามาได้จะได้เปอร์เซ็นต์จากการหาคนมาสมัครต่อหัว เปอร์เซ็นต์ที่ได้จะแล้วแต่สินค้าตัวนั้นๆ หลังจากที่เรียนไปเรื่อยๆ รู้สึกไม่ชอบมาพากลเพราะไม่ได้สอนให้ขายสินค้าแต่สอนให้หาคนมากระจายสินค้าด้วยการยิงแอดโฆษณา หาดีลเลอร์มาลงทุนแบบตัวเอง ตอนนั้นแม้จะไม่มีเงินยิงแอด แม่ทีมยังแนะให้เอารถไปรีไฟแนนซ์เพื่อนำเงินมายิงแอดโฆษณาหาลูกค้าคนอื่นๆ หรือหานักเรียนคนใหม่มาเรียนแนะนำ ให้ชวนเพื่อน มีเบอร์คนไหนให้โทร.ชวนคนนั้นจนตอนนี้ ต้องเป็นหนี้บัตรเครดิต เงินที่ใช้ไปลงทุนไม่เคยเห็นผล สินค้าขายไม่ออก ไปขายให้ใครก็ไม่มีใครซื้อ

หวิดฆ่าตัวเพราะกู้มาลงทุน

ส่วนนายบี (นามสมมติ) หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า เคยตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะลงทุนไปกว่า 2 แสนบาท จนเกิดความเครียดเนื่องจากกู้หนี้มา แต่สินค้าที่นำมาไว้ ในสต๊อกกลับขายไม่ได้ ขณะนี้สินค้าที่ซื้อมากองอยู่ที่บ้านจนหมดอายุ ส่วนตัวบอสใหญ่มักใช้วลี “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” มาชักจูงจนทำให้คนหลงเชื่อว่าจะทำได้จริง

ลั่นคดีนี้ยอมความไม่ได้

ขณะที่นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ฯ เปิดเผยว่า วันนี้พาผู้ที่ได้รับผลกระทบประมาณ 20 คน จาก 500 คนในกลุ่มที่เข้าไปร่วมธุรกิจกับบริษัทนี้มาแจ้งความและให้ข้อมูลกับตำรวจว่าเหตุใดธุรกิจขายตรงเครือข่ายนี้ถึงเกิดผลกระทบกับประชาชนจำนวนมาก ตำรวจจะต้องตรวจสอบว่าจะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน หรือความผิดในเรื่องของแชร์ลูกโซ่ ตาม พ.ร.ก.กู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภคหรือไม่ เพราะพบโฆษณาเกินจริงหรือเป็นเท็จ คดีนี้เป็นอาญาแผ่นดิน แม้จะมีบันทึกตกลงยอมความก็ไม่สามารถยอมความได้ ดังนั้นไม่ต้องกลัวให้เข้าแจ้งความได้เลย

ส่วนก่อนหน้านี้ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณาว่า บริษัทดังกล่าวไม่เข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากการทำธุรกิจของบริษัทดังกล่าวมีหลาย รูปแบบ ดังนั้นการตีความข้อกฎหมาย มีทั้งส่วนที่เสียผลประโยชน์และได้ประโยชน์ อาจมีการเลี่ยงบาลีตีความ อยากให้ผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูลให้ได้มากที่สุดด้วย

“เดชา” พาเหยื่อแจ้งเพิ่ม

ไล่เลี่ยกัน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ พาผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนกับบริษัท THE iCON GROUP กว่า 10 ราย มาแจ้งความร้องทุกข์ที่ บก.ปคบ. ก่อนเผยว่า จากการที่แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี แถลงข่าว ไม่มีส่วนในการตัดสินใจของบริษัท ได้พูดคุยกับพนักงานสอบสวนแล้วว่า การจะดำเนินคดีกับใครไม่ได้ดูแค่เพียงคำพูดแต่ต้องดูพฤติกรรมและหลักฐานที่รวบรวมมา ดิจิทัลฟุตปรินต์จะเป็นตัวพิสูจน์ คดีนี้หากดูจากพฤติการณ์ มีโอกาสสูงที่ดาราจะถูกดำเนินคดีแน่ๆแต่ยังไม่ระบุว่าเป็นใคร คดีนี้ใครจะฟ้องกลับตนยินดี ฝากไปถึงแม่ข่าย ขอให้เข้ามาเป็นพยานและแจ้งความทันที หากไม่มาจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดซึ่งถือเป็นผู้ต้องหาแน่นอน

แฉไม่เน้นขายของ-เน้นคนร่วมทุน

ส่วน น.ส.น้ำ (นามสมมติ) เผยว่า ตัดสินใจร่วมลงทุนเมื่อ 2 ปีที่แล้วเพราะอยากประสบความสำเร็จเนื่องจากมีการชักชวนและกล่าวอ้างถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จ มีวลีหลักของตัวเจ้าของหรือบอสใหญ่ว่า “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” ตัดสินใจเข้าร่วมและชักชวนคนสนิทคนในครอบครัวมาร่วมลงทุนด้วย แต่สินค้ากลับขายไม่ออกเพราะสินค้าไม่ได้คุณภาพ เมื่อถามหาวิธีขายของกลับไม่ได้คำตอบต้องเสียความสัมพันธ์กับคนสนิทและครอบครัว และธุรกิจดังกล่าวไม่ได้เน้นขายของแต่เน้นหาคนให้ร่วมลงทุน

“บิ๊กต่าย” เรียกประชุมที่กองปราบ

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ห้อง ศปก.บก.ป.อาคารกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร์ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รอง ผบก.อก. บช.ภ.6 พร้อมด้วยคณะทำงานสืบสวนสอบสวน เข้าร่วมประชุมใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

ยอดเหยื่อวันแรก 91 คนสูญ 35 ล.

หลังประชุม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร.เข้าพูดคุยกับผู้เสียหาย 91 ราย ที่ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนก่อนเผยว่า สั่งให้ บช.ก.จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนไว้ วันนี้มาดูว่ามีผู้เสียหายมากน้อยแค่ไหน เบื้องต้นสอบไปแล้วกว่า 90 ปาก ส่วนใหญ่ ถูกชักชวนให้ร่วมทำธุรกิจและเป็นตัวแทนบริษัทมีการให้เข้าอบรม มีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย จากนั้นเข้าสู่กระบวนการ เปิดเครดิตและอัปเกรดเป็นขั้นบันไดเริ่มจาก 2,500-25,000 จนถึง 250,000 บาท มีความเป็นไปได้จะเข้าข่ายความผิดที่เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจการขายตรง แชร์ลูกโซ่ หรือหลอกร่วมลงทุน เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายจากการสอบสวนทั้ง 91 กว่าคนอยู่ที่ 35 ล้านบาท

ขู่ฟันศิลปินหากพบผิด

รรท.ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงกรณีดาราที่ปรากฏตามสื่อว่าเป็นผู้บริหารหรือเป็นพรีเซนเตอร์นั้นว่า หากพบสนับสนุนความผิดและเป็นตัวการความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายไม่มีละเว้น หากดาราหรือศิลปินที่มาไลฟ์สด หรือช่วยโฆษณาสินค้าจะต้องดูข้อเท็จจริงก่อนว่าเข้าข่ายความผิดใด อยู่ระดับพิจารณาความผิดได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งแรกที่ต้องทำตอนนี้คือ สอบสวนผู้เสียหายรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานก่อน ใช้เวลาให้เร็วที่สุด 2-3 วัน จากนั้นจะนำเข้าสู่กระบวนการ พิจารณาข้อเท็จจริงตามข้อกฎหมาย ไม่น่าเกินสัปดาห์หน้า น่าจะพบว่ามีความผิดฐานใดบ้าง

จ่อประสาน ปปง.อายัดทรัพย์

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวอีกว่า หลังพบความผิดจะนำเข้าสู่ขั้นตอนการออกหมายเรียก หากไม่มาจะออกหมายจับต่อไป ขณะนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องจำนวนเงินและทรัพย์สินอื่นเป็นหลัก ทั้งนี้ตำรวจยังไม่มีอำนาจยึดทรัพย์ ต้องประสานไปที่ ปปง.ใช้อำนาจอายัดทรัพย์ทั้งหมดไว้ก่อน มุ่งเป้าไปที่เจ้าของบริษัท อย่างไรก็ตาม ฝั่งผู้ถูกกล่าวหาสามารถชี้แจงได้ว่าทรัพย์สินทั้งหมดได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ หากพบว่าได้มาจากการกระทำความผิดจะนำเข้าสู่การฟ้องร้อง จากนั้นถึงจะมีการเฉลี่ยทรัพย์คืนผู้เสียหายได้ ส่วนดาราที่ได้รับเงินเดือนจากบริษัทดังกล่าวจะถูกอายัดทรัพย์สินด้วยหรือไม่ ต้องดูว่ามีส่วนร่วมหรือเป็นตัวการกระทำความผิดร่วมกันหรือไม่ ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏยืนยันได้ว่าร่วมด้วย จะโดนอายัดทรัพย์ทุกรายไม่มีละเว้น

ตรวจสอบข่าวมีคนตาย

เมื่อถามถึงกรณีวันที่ 25 พ.ค.65 มีกลุ่มทนายความ เคยมาร้องให้ บก.ปคบ.ตรวจสอบว่า บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป เข้าข่ายกระทำความผิดแต่เรื่องกลับเงียบหาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า จะให้ พล.ต.ท.อัคราเดชตรวจสอบ เพิ่มเติมว่าดำเนินการไปแล้วมีผลอย่างไร หากไม่พบก็ไม่เป็นไรแต่หากละเว้นจะต้องมีโทษแน่นอน ส่วนกระแสข่าวว่ามีผู้เสียหายที่เสียชีวิตเพราะคดีนี้ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีผู้เสียชีวิตขอตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงก่อน ขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้เสียหายว่าสามารถแจ้งความ ได้ในระบบหรือสายตรง 1599 หรือแจ้งผ่านศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ AOC หรือแจ้งความที่สถานีตำรวจใดก็ได้ หรือจะมาที่ บช.ก.เลยก็ได้

“กันต์” โพสต์ยุติบทบาทพิธีกร

ส่วนความเคลื่อนไหวของศิลปินดาราที่มีชื่อพัวพันกับดิ ไอคอน กรุ๊ป เมื่อเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก กันต์ กันตถาวร มีภาพข้อความระบุว่า “เนื่องด้วยกระแสข่าวที่กำลังเป็นประเด็นทางสังคมซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับตัวผมเอง ตัวผมเองไม่ได้นิ่งนอนใจและเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจและความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมรวมไปถึงต้นสังกัดและผู้ที่ร่วมงานด้วย จึงขอยุติบทบาทการเป็นพิธีกรในทุกรายการจนกว่าจะมีความชัดเจนและ ความกระจ่าง และพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อความถูกต้องในกระบวนการยุติธรรม”

เวิร์คพอยท์แจงเรื่องกันต์

ขณะเดียวกัน บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด ในเครือ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ต้นสังกัด กันต์ กันตถาวร มีประกาศถึงเรื่องศิลปินในสังกัดว่า เนื่องด้วยกระแสข่าวที่กำลังเป็นประเด็นทางสังคมในขณะนี้ ซึ่งมีข่าวเกี่ยวข้องกับคุณกันต์ กันตถาวร ศิลปินพิธีกรในสังกัด บริษัทมิได้นิ่งนอนใจและตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้พิจารณาหารือร่วมกันกับคุณกันต์ กันตถาวร เรื่องบทบาทการเป็นพิธีกร และคุณกันต์ กันตถาวร ได้ขอยุติบทบาทการเป็นพิธีกรทุกรายการจนกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวต่อไป

มิน-พีชญาเตรียมตั้งโต๊ะแถลง

ต่อมาเวลา 19.00 น. ผู้จัดการส่วนตัวนางเอกสาวคนดัง “มิน-พีชญา วัฒนามนตรี” อีกหนึ่งคนดังที่นั่งแท่นผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร THE iCON GROUP โพสต์อินสตาแกรมแจ้งว่า มินเตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆให้ประชาชนได้รับทราบ ในวันศุกร์ที่ 11 ต.ค. เวลา 14.00 น.ณห้อง Sarocha ชั้น 3 โรงแรมสวิสโซเทล กรุงเทพฯ รัชดา

ไอคอนกรุ๊ปโพสต์แจง 3 ดารา

ล่าสุดเมื่อช่วง 2 ทุ่มวันเดียวกันมีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า ขอชี้แจงว่าคุณกันต์ กันตถาวร, คุณแซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี และคุณมิน-พีชญา วัฒนามนตรี ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนามตามหนังสือรับรองบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงผู้ช่วยทำการตลาดสินค้าของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จึงขอชี้แจงมาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกันขอแสดงความนับถือ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด

โดม-บอยไม่เกี่ยวกับบริษัท

กระทั่งเวลาประมาณ 20.40 น. บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ออกมาโพสต์ภาพและข้อความขอชี้แจงว่า คุณบอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ พรีเซนเตอร์ ROOM COFFEE และคุณโดม-ปกรณ์ ลัม พรีเซ็นเตอร์ BOOM COLLAGEN ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนาม ตามหนังสือรับรองบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงพรีเซนเตอร์สินค้า ทำการตลาดสินค้าของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด จึงขอชี้แจงมาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน ขอแสดงความนับถือ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด

บอย-ปกรณ์ เป็นแค่พรีเซนเตอร์

วันเดียวกัน พระเอกชื่อดัง “บอย-ปกรณ์ ฉัตร บริรักษ์” ที่มีภาพร่วมงานกับ THE iCON GROUP จนถูกพุ่งเป้าถึงความเกี่ยวข้อง ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวบันเทิงช่อง 3 ทางโทรศัพท์ ยืนยันว่าเป็นแค่พรีเซนเตอร์สินค้า ไม่ได้มีตำแหน่งบริหารใดๆ ในดิไอคอนกรุ๊ปและไม่ได้ถูกเรียกว่า บอส ไม่ได้รับส่วนแบ่งจากยอดขาย มีเอกสารสัญญาที่ระบุอย่างชัดเจน หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกไปให้ข้อมูลก็ยินดีให้ความร่วมมือ

เบิ้ล ปทุมราช บอกเป็นผู้ลงทุน

ขณะที่นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “เบิ้ล ปทุมราช” ที่มีภาพถ่ายกับ “บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง THE iCON GROUP โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงเพราะมีชื่อไปเกี่ยวข้องว่า ข้อเท็จจริงคือรู้จักกับเจ้าของ ส่วนตัวพี่เขาเป็นคนน่ารักและเคยมีภาพเกี่ยวกับการไปบริษัทจริง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ตนอยู่ในสถานะผู้ลงทุน เปิดบิลขายของและเรียนคอร์สออนไลน์ แต่ด้วยเวลาที่ยังมีหน้าที่การทำงานธุรกิจตนเอง จึงไม่ได้มีโอกาสขายของต่อ ตนไม่ใช่คนรีบทำรีบรวยเงินจึงไม่ได้หอมหวานสำหรับตน เพียงแต่ เป็นคนไม่ปิดโอกาสให้ตัวเองจึงเสนอหน้าหลายที่

เปิดเซฟ “แม่ตั๊ก” ไร้ของมีค่า

ส่วนความคืบหน้ากรณี น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก และนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ 2 ผัวเมียหลอกขายทองไม่ได้มาตรฐานซึ่งทั้งคู่ถูกจับกุมเข้าเรือนจำไปแล้วนั้น ก่อนนี้เมื่อช่วงสายวันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ.นำช่างมาเปิดตู้เซฟขนาดเล็ก สีดำ ของแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ ที่ยึดมาจากบ้านผู้ต้องหา เพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ภายในไม่พบทรัพย์สินของมีค่าหรือหลักฐานอื่นๆ มีทนายความแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ร่วมสังเกตการณ์ตลอดการเปิดตู้เซฟในครั้งนี้ด้วย สำหรับรายการทรัพย์สินที่ตำรวจอายัดไปก่อนหน้านี้ มีทั้งรถยนต์หรูหลายคัน โฉนดที่ดิน 16 แปลง อสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินต่างๆ รวมมูลค่าร้อยกว่าล้านบาท

“เจ๊นุช” โดนแจ้งคดีอาหารเสริม

ต่อมาเวลา 15.30 น.วันเดียวกัน น.ส.ณปภัช เขจรรักษ์ อายุ 39 ปี หรือเจ๊นุช บางเตย อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เข้าพบ พ.ต.อ.วีระพงศ์ คล้ายทอง ผกก.4.บก.ปคบ.เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฐานโฆษณาสรรพคุณอาหารเสริมอันเป็นเท็จและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามหมายเรียกหลังถูกแจ้งความร้องทุกข์ไปก่อนหน้า ระหว่างถูกคุมตัวไปพิมพ์ลายนิ้วมือนั้น เจ๊นุชกล่าวสั้นๆกับนักข่าวพร้อมกับยืนยันว่า “วันนี้มาให้ปากคำในฐานะพยานในคดีทอง ยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนคดีอาหารเสริมยืนยันไม่ได้ทำอะไรผิด มีหลักฐานชี้แจงทั้งหมด ขณะนี้ได้มอบให้กับตำรวจไปแล้ว ยืนยันว่าไม่เครียด 100%”

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่