โรงเรียนชี้แจง กรณีรุ่นพี่ ม.1 เตะซ่อม รุ่นน้อง ป.6 บอกเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน หลังทราบเรื่อง มีการเรียกผู้ปกครองมาไกล่เกลี่ย พร้อมทำทัณฑ์บน แต่ฝ่ายผู้เสียหายยืนยัน แจ้งความดำเนินคดี
วันที่ 20 ก.ย. 67 จากกรณีเพจดัง โพสต์คลิปนักเรียน 2 คน นั่งคุกเข่า โดยมีรุ่นพี่เตะอัดที่หลัง และมีเพื่อนนักเรียน 4-5 คน ยืนดู พร้อมระบุข้อความว่า "นักเรียนโรงเรียนไหนเนี่ย โหดจังนนทบุรี" ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป มีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครอง
กระทั่งมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง คาดว่าผู้ปกครองของเด็กที่ถูกทำร้าย เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ทางโรงเรียนจัดการระเบียบแค่ตามกฎระเบียบ ส่วนผู้ปกครองยังไม่รับผิดชอบอะไร นอกจากขอโทษเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นการรับผิดชอบที่ยุติธรรม ลูกเราสภาพจิตใจย่ำแย่มาก จากการที่ถูกทำร้ายด้วยหลายคน แต่ผู้ปกครองพูดได้แค่คำเดียวว่า ขอโทษ ส่วนนักเรียนที่ทำร้ายลูก ตอนพบที่สีหน้าท่าทางยังไม่สลด กับสิ่งที่ตัวเองกระทำ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณกำแพงศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และจากการสอบถามนักเรียนคนหนึ่ง ทราบว่า ปกติตนมารอรถบริเวณนี้เป็นประจำ จุดเกิดเหตุจะมีนักเรียนเดินผ่านไปมาค่อนข้างมา ซึ่งวันที่เกิดเหตุ น่าจะเป็นช่วงวันจันทร์ หรืออังคารที่ผ่านมา
ด้าน ด.ช. วัย 11 ปีอีกราย เผยว่า เด็กนักเรียนทั้ง 2 คน ในรูปที่ถูกทำร้าย ตนเห็นใช้เส้นทางนี้มารอรถเป็นประจำ ส่วนกลุ่มนักเรียนรุ่นพี่ที่ทำร้ายนั้น เป็นพวกอยากเด่นอยากดังในโรงเรียน
จากนั้น ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยทางโรงเรียนชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ในช่วงเย็น บริเวณศาลเจ้าแห่งหนึ่ง โดยผู้ก่อเหตุเป็นนักเรียนรุ่นพี่ ชั้น ม.1 ส่วนนักเรียนที่ถูกทำร้ายร่างกายเป็นนักเรียนรุ่นน้อง ชั้น ป.6 โรงเรียนเดียวกันและอยู่ในกลุ่มเดียวกัน หลังทราบเรื่องในวันถัดมา ทางโรงเรียนได้เรียกผู้ปกครองและเด็กนักเรียนทั้งสองฝ่ายมาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ย. โดยเด็กนักเรียนที่ถูกทำร้ายให้การเบื้องต้นกับทางโรงเรียนว่า สาเหตุที่ถูกทำร้าย เพราะมีปัญหากับนักเรียนรุ่นพี่ชั้น ม.1 ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน จนถูกรุ่นพี่เรียกตัวออกมาซ่อมนอกโรงเรียน
...
ต่อมาทางโรงเรียนได้ให้ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกันแต่ไม่เป็นผล ทางผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่ถูกทำร้ายทั้งสองรายยืนยันว่า ต้องการดำเนินคดีกับเด็กนักเรียนรุ่นพี่ที่ทำร้ายร่างกายลูกชายเขา จึงได้เดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ สภ.บางบัวทอง กระทั่งเป็นข่าวในในโซเชียล
ทางโรงเรียนชี้แจงอีกว่า เด็กนักเรียนชั้น ป.6 ที่ถูกทำร้ายทั้งสองรายนั้น อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับรุ่นพี่ชั้น ม.1 หลังเลิกเรียนด้วยกันทุกวัน แต่วันเกิดเหตุนั้นได้ไปท้าทายรุ่นพี่ในกลุ่ม จึงถูกรุ่นพี่พาตัวไปซ่อมกันเอง และหลังถูกรุ่นพี่ซ่อมไปแล้วเด็กนักเรียนทั้งสองรายก็อยู่ในกลุ่มกับรุ่นพี่ พูดคุยหลอกล้อกันตามเดิม ส่วนประเด็นที่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียน ป.6 จะไปแจ้งความดำเนินคดีนั้น เป็นสิทธิของผู้ปกครอง แม้ว่าทางโรงเรียนจะทำทัณฑ์บนกับเด็กนักเรียนรุ่นพี่ชั้น ม.1 โดยมีผู้ปกครองมารับทราบ พร้อมกับตักเตือนไม่ให้มีพฤติกรรมในลักษณะนี้อีก
ล่าสุดเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาที่ สภ.บางบัวทอง พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี กล่าวว่า เบื้องต้นผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยนำภาพถ่ายเหตุการณ์มาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเด็กที่ทำร้ายร่างกาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ส่งตัวไปตรวจบาดแผลที่ถูกทำร้าย อีกทั้งผู้ต้องหาเป็นเด็ก ต้องสอบต่อหน้านักจิตวิทยา และอัยการ โดยขณะนี้เป็นการนัดเพื่อทำการจัดคิวในการสอบสวนต่อไป ขั้นตอนต่อไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเข้าไปที่โรงเรียนว่า สาเหตุมาจากอะไรและเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้เหตุการณ์จะไม่ได้เกิดในโรงเรียน แต่ผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายแต่งชุดนักเรียนกันทั้งนั้น ซึ่งยังไม่ทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ซึ่งก็ต้องดำเนินการไปตามปกติ
ล่าสุด ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้เชิญผู้ปกครองของเด็กนักเรียนทั้งสองฝ่ายมาตกลงพูดคุยเจรจาทำความเข้าใจกันอีกครั้ง ซึ่งปรากฏว่า ผู้ปกครองของนักเรียนทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงทำความเข้าใจกันได้ด้วยดี จึงไม่ติดใจเอาเรื่องซึ่งกันและกัน เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเด็กที่ทำไปด้วยความคึกคะนอง แต่ไม่ได้ร้ายแรงจนถึงขั้นเป็นอันตราย ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายกันอย่างจริงจัง แม้จะดูรุนแรงก็ตาม เนื่องจากเด็กทั้งหมดก็เป็นเด็กในกลุ่มเดียวกัน รู้จักพูดคุยสนิทสนมกันมาก่อน และหลังทราบเรื่องทางโรงเรียนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เรียกผู้ปกครองนักเรียนรุ่นพี่มาอบรมตักเตือนและทำทัณฑ์บน คาดโทษตามกฎระเบียบของโรงเรียนเอาไว้
ขณะเดียวกันก็ประสานให้ทางผู้ปกครองของเด็กนักเรียนรุ่นน้องทั้งสองราย มาพูดคุยปรับความเข้าใจกัน จนในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็สามารถพูดคุยปรับความเข้าใจกันได้แล้ว
ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทางโรงเรียนก็มีมาตรการเชิงรุกออกตรวจตรากลุ่มนักเรียนหลังเลิกเรียนอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ประจำอยู่กับที่ มีการวนไปตามจุดต่างๆ จึงอาจทำให้ตรวจตราไม่ทั่วถึง ซึ่งทางโรงเรียนจะได้เพิ่มมาตรการตรวจตราเพิ่มขึ้น ด้วยการขอกำลังสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายอีกทางหนึ่ง เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย