กรมควบคุมโรค เผยผลตรวจจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันผลพบเชื้อฝีดาษวานร สายพันธุ์ Clade 1b ในผู้ป่วยชาวยุโรป รายแรกในประเทศไทย
วันที่ 22 สิงหาคม 2567 มีรายงานว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ทราบผลการตรวจของผู้ป่วยชาวยุโรปที่ติดเชื้อฝีดาษวานร Clade 1b รายแรกในประเทศไทย ที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา จึงได้มอบหมาย นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้เร่งดำเนินการและเข้มงวดมาตรการการป้องกันควบคุมโรค พร้อมประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายแพทย์ธงชัย กล่าวว่า ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีรายงานออกมา และยืนยันผลพบเชื้อฝีดาษวานร สายพันธุ์ Clade 1b ถือเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับการวินิจฉัยในประเทศไทย ซึ่งต่อจากนี้ต้องรายงานผลไปยังองค์การอนามัยโลกตามมาตรฐาน IHR พร้อมกันนี้ได้กำชับไปยังกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรคทุกด่าน โดยเฉพาะด่านที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้เข้มงวดมาตรการในผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด และไม่ว่าจะเปลี่ยนเครื่องที่ไหน หากต้นทางเป็นประเทศที่มีการระบาด ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thai Health Pass และต้องผ่านกระบวนการคัดกรองกับเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ
สำหรับการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายดังกล่าว จำนวน 43 ราย ขณะนี้ยังไม่พบรายใดมีอาการป่วย ซึ่งกรมควบคุมโรคยังคงเฝ้าระวังและติดตามอาการอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบ 21 วัน หากมีอาการไข้ มีผื่น ต่อมน้ำเหลืองโต ให้รีบเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลทันที
"โรคฝีดาษวานร ส่วนใหญ่มักมีอาการผื่นขึ้นตามร่างกาย ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น อาการไอ หรือมีน้ำมูก จึงมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อได้น้อยกว่าโรคโควิด-19 หรือไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีอาการไอและมีน้ำมูก การติดเชื้อโรคฝีดาษวานรยังเป็นการสัมผัสใกล้ชิด
...
ดังนั้น การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับคนไม่รู้จัก หลีกเลี่ยงไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด และหลีกเลี่ยงสัตว์ฟันแทะที่นำเข้าจากประเทศที่มีการระบาด เช่น กระรอก หนู จะเป็นวิธีที่ป้องกันตนเองได้" นายแพทย์ธงชัย กล่าว
ด้าน นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปัจจุบันประเทศไทยมีมาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากในพื้นที่เขตติดโรคไข้เหลือง 42 ประเทศ โดยกำหนดให้ผู้ที่เดินทางลงทะเบียนผ่านระบบ Thai Health Pass และต้องผ่านกระบวนการคัดกรองกับเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคฯ ซึ่งผู้โดยสารจะได้รับการวัดอุณหภูมิร่างกาย สอบถามอาการ และสังเกตผื่นตามร่างกาย หากมีอาการเข้าได้กับโรคฝีดาษวานร จะมีการแยกกักผู้เดินทาง ซักประวัติ ตรวจร่างกายเพิ่มเติม พร้อมเก็บสิ่งส่งตรวจ เพื่อส่งห้องปฏิบัติการของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ และส่งผู้ป่วยต่อไปยังสถาบันบำราศนราดูร
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่เตรียมพร้อมสำหรับการคัดกรองและกักกันโรคเพิ่มเติม ดังนี้
1. ให้ผู้เดินทางที่เดินทางมาจาก 42 ประเทศเขตติดโรค และประเทศที่มีการระบาดของโรคฝีดาษวานร ลงทะเบียนระบบ Thai Health Pass ล่วงหน้า ก่อนเข้าสู่ระบบ Check in ของสายการบิน ณ ประเทศต้นทาง
2. เมื่อผ่านด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ จะต้องผ่านการคัดกรอง และวัดอุณหภูมิร่างกายด้วย Handheld Thermoscan หากอุณหภูมิเกิน 36.8 องศาเซลเซียส จะต้องวัดอุณหภูมิทางหูซ้ำอีกครั้ง ซักประวัติและอาการเพิ่มเติม จึงจะผ่านไปยังพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และหากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองพบเจอผู้โดยสารที่มีอาการเข้าได้กับโรคฝีดาษวานร ให้ส่งกลับมารับการตรวจเพิ่มเติม ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศฯ
3. มีการแจก Health Beware Card สำหรับผู้เดินทางทุกคนจากประเทศเสี่ยง กรณีมีอาการหลังจากเข้าประเทศ ให้รายงานอาการผ่าน QR code ที่ปรากฏบน Health Beware Card เพื่อให้ทางกรมควบคุมโรคได้ติดตามต่อเนื่อง และเข้ารับการรักษา ณ สถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
4. กองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและกักกันโรค เตรียมความพร้อมสำหรับการกักกัน หากมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง โดยเตรียมอาคารกักกันโรค 4 ชั้น จำนวน 60 ห้อง หากมีการเดินทางแบบครอบครัวจะมีห้องกักกันแบบกลุ่มเตรียมสำรองไว้พร้อม.