หนุ่มตกใจ เจอคนพา "สุนัข" เข้าร้านอาหาร นั่งเกา-ลูบขน ไม่นึกถึงลูกค้าคนอื่นที่อาจมีอาการแพ้ เผยได้คุยกับทางร้านแล้ว มีกฎชัดเจน "ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้า" พร้อมฝากถึงคนเลี้ยงควรนึกถึงส่วนรวม

จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Jeeraphan Meesri ได้โพสต์ข้อความระบุว่า โพสต์นี้อยากฝากถึงคนที่เลี้ยงหมาหน่อยได้ไหมครับ คือ ไม่ควรพาหมาเข้าร้านอาหาร และเอาออกมาเล่น มาจับ มาลูบขน หรือทำอะไรใดๆ เพราะเป็นที่สาธารณะ ที่ต้องคำนึงถึงสุขอนามัยส่วนรวมของผู้อื่นที่มาใช้บริการด้วย

เรื่องของเรื่องเจอมาด้วยตัวเอง ตอนไปกินบุฟเฟต์ชาบู และกระทะปิ้งย่าง ร้านแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง (มีสาขา) เป็นร้านติดแอร์ นั่งกินไปได้สักพัก มีลูกค้าครอบครัวหนึ่ง 3 คน เดินเข้ามา พ่อ แม่ และเด็กเล็กน่าจะอยู่อนุบาล

ตอนแรกไม่ได้สนใจ เห็นแวบๆ ว่าผู้เป็นพ่อหิ้วตะกร้าเข้ามาด้วย ในใจก็คิดเป็นตะกร้าใส่ของเล่น ของใช้ดูแลลูกเล็ก พอหันไปดูอีกทีตกใจ เปิดตะกร้ามามีหัวหมาโผล่ (ที่ตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเห็นหมาเข้ามาในร้านอาหารแบบนี้) เด็กก็เล่นหยอกล้อกับหมา แล้วหมาเกาะขอบตะกร้า ล้มออกวิ่งไปมาบนที่นั่งยาวที่เค้านั่ง (เล่นกับเด็ก) พ่อแม่เห็นแต่ก็ดูจะไม่ได้รีบทำอะไร

จากนั้นก็ทำให้ได้สังเกต พอดูดีๆ ตกใจกว่าเดิม เพราะคนพ่อถ้าดูจากการแต่งกายภายนอกแล้ว เดาว่าน่าจะเป็นคนในวงการแพทย์ (อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ อาจเดาผิด ไม่ได้มีเจตนาพาดพิง แต่จากที่เห็นตอนนั้นคิดแบบนี้จริงๆ ใครพอทราบช่วยแก้หน่อยนะครับ)

เพราะใส่สุดสีพื้นเข้ม เข้าชุดกันกับเสื้อและกางเกง มีปักชื่อเป็นภาษาอังกฤษสีขาวอยู่ที่อกซ้าย ซึ่งถ้าใช่จึงเกิดคำถามตามมาว่า เหตุใดถึงลืมคำนึงถึงความสะอาด สุขอนามัยของลูกค้าคนอื่น ลูกค้าบางคนอาจจะไวต่อสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์ที่ลอย หรือปลิวไปในอากาศได้

...

ตลอดเวลาที่นั่งกิน หมาเข้าๆ ออกๆ ตะกร้า และมีหลายๆ ช่วงเอาหมาออกมานั่งนอกตะกร้า ทุกคนในครอบครัวจับ สัมผัสหมาอยู่เกือบตลอดเวลา และคนเป็นแม่นั่งเกาและลูบขนข้างๆ ตัวหมาอยู่สักพักหนึ่ง

คนเป็นแม่ที่ใช้มือเกาหมาก่อนหน้านี้ ลุกไปกดน้ำ ตักน้ำแข็ง 2-3 รอบ และน่าจะตักไอศกรีมด้วย โดยเป็นที่รู้ๆ กันว่า บาร์น้ำ บาร์ไอศกรีมจะมีอุปกรณ์ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน นั่นก็เท่ากับว่าที่จับส่วนกลางก็ได้ปนเปื้อนไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนนั้นอยากเข้าไปทัก ด้วยความที่เป็นคนเลี้ยงหมาเหมือนกัน แต่ก็กลัวจะทำให้เสียบรรยากาศทั้งตัวเองและคนอื่น หากเข้าไปทักแล้วเกิดมีความไม่เข้าใจในสิ่งที่จะสื่อ ก็จะเกิดการตึงหรือทะเลาะกันเปล่าๆ และก็จะกินกันไม่อร่อย

ส่วนตัวไม่ได้รังเกียจหมา เพราะเลี้ยงหมา ไม่ได้ถือว่าจะเลียหน้าเลียปาก นั่งกินข้าวข้างๆ กันก็ได้ไม่มีปัญหา อันนั้นทำได้เพราะอยู่ในบ้านของตัวเอง แต่แค่คิดว่าการพาหมาออกมาข้างนอก ต้องไตร่ตรองและรับผิดชอบ นึกถึงคนอื่นด้วย เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ชอบหมา และบางคนก็แพ้ขน แพ้น้ำลายหมา ทำให้ยิ่งต้องระวังเยอะๆ 

ป.ล. ด้วยความไม่แน่ใจ เพราะเขาพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาเข้ามาอย่าเปิดเผย ไม่หลบหรือแอบ จึงทักไปไลน์ที่ร้านไปสอบถาม (ทั้งที่รู้สึกอยู่แล้วว่าร้านแบบนี้ไม่ควรจะทำได้) และร้านก็ให้คำตอบ (น่าจะเจ้าของตอบ) ว่ามีกฎ "ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าร้าน" ด้วยเหตุผลที่คิดเหมือนกันว่าอาจมีลูกค้าคนอื่นแพ้ และน้องพนักงานก็น่าจะถูกดุ (สงสารอยู่เหมือนกัน พนักงานยังเด็กๆ กันอยู่เลย เข้าใจนะว่าบางทีก็อาจจะไม่กล้าบอกลูกค้าๆ ทั้งที่ลูกค้าไม่ปฏิบัติตามกฎ)

ป.ล. 2 ยอมรับว่าหมานิสัยดีมาก ไม่ดื้อ ไม่เห่า ไม่มีเสียงเลย แต่หากจะเอามาอนุโลมมองข้าม ก็อาจจะไม่ได้ บางอย่างมีขอบเขต มีจุดพอดีของมันอยู่ ไม่รุกล้ำรบกวนสิทธิ์คนอื่น เรื่องบางเรื่องมีเซนส์ให้เอะใจอยู่แล้วระหว่างได้หรือไม่ได้ หากไม่แน่ใจอาจจะต้องถามร้านก่อนทุกครั้ง เพราะเรื่องแบบนี้มันค่อนข้างเซนซิทีฟ และอันตรายกับคนที่เขาแพ้จริงๆ ครับ อย่าทำแบบนี้กันเลย

ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป คนในโลกออนไลน์ก็ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็น พร้อมวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก อาทิ เราก็ไม่โอเคนะถ้าเจอแบบนี้ มันทำใจลำบากมาก ยิ่งร้านอาหารบุฟเฟต์ ขนาดตัวเองเจอร้านอาหารธรรมดายังไม่โอเคเลย ต้องหาที่นั่งไกลๆ, สงสารหมา เจ้าของทำน้อนดูแย่เลย, เลี้ยงน้องหมาเหมือนกันค่ะ ถ้าไม่ใช่ร้าน pet friendly ก็ไม่เคยพาน้องเข้าไป เกรงใจลูกค้าท่านอื่นๆ ฯลฯ

ขณะที่บางส่วนยังได้แชร์ประสบการณ์อีกว่า "ลูกชายเราแพ้ขนหมาและแมวค่ะ แต่ก็พยายามเลี่ยงเองมาโดยตลอด ถ้าร้านไหนให้สัตว์เลี้ยงเข้าได้เราเลี่ยงค่ะ บางคนไปเที่ยวน้ำตกสถานที่เอกชนเอา #หมาลงเล่นน้ำถึงไม่มีป้ายเตือน แต่ก็เป็นมารยาททางสังคมที่ต้องรู้กันนะคะ"

ล่าสุดวันที่ 21 สิงหาคม 2567 "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" ได้สอบถามกับเจ้าของโพสต์ว่า เคยไปใช้บริการร้านดังกล่าวหรือไม่ ทางเจ้าของโพสต์ได้เปิดใจพร้อมให้ข้อมูลว่า เคยครับ เป็นลูกค้าประจำ

เมื่อถามว่า เคยเจอคนที่นำสุนัขเข้าร้านแบบนี้ไหม ทางเจ้าของโพสต์ เล่าว่า เคยเจอ แต่เป็นร้าน pet friendly ครับ เลยไม่ได้แปลกใจ เพราะจะมีโซนสำหรับน้องหมาอยู่แล้ว หรือน้องหมาจะไปได้ทั้งร้าน อันนี้ก็แล้วแต่กฎของทางร้านในแต่ละที่ แต่กรณีเจอในร้านอาหารแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยครับ ถึงผมจะไม่ได้ถือ หรือเป็นคนแพ้สัตว์ แต่ในฐานะคนเลี้ยงหมา เวลาพาหมาออกจากบ้านจะเกรงใจ จะพยายามไม่ทำอะไรให้เดือดร้อนคนอื่น เจอแบบนี้ก็ไม่ค่อยโอเคครับ

ทั้งยังบอกอีกว่า อยากจะให้นึกถึงส่วนรวมเยอะๆ ครับ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบน้องหมา แล้วยิ่งมาพบหมาในสถานที่ที่ต้องรักษาสุขอนามัยยิ่งไม่ค่อยไม่ควร เพราะการจับ หรือเอาน้องหมาออกมาเล่น ปฏิเสธไม่ได้เลยที่จะมีขนเล็กๆ หรือละอองที่ตาเรามองไม่เห็น ปลิวลอยไปในอากาศ หรือเอามือที่สัมผัสน้องหมาไปจับอุปกรณ์ตักอาหารส่วนรวม

ซึ่งทั้งหมดอาจจะทำให้ลูกค้าคนอื่นที่อาจแพ้ได้รับอันตราย หรือความเดือดร้อนได้ คุณมาทานอาหารกับครอบครัว พาหมามาอิ่มแล้วคุณก็กลับ แต่คนอื่นอาจจะไม่ได้กลับ อาจจะต้องไปโรงพยาบาล หรือได้รับความเจ็บป่วยหลังจากนั้น คือไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไรครับ ต่อจะให้บอกว่าเลี้ยงหมาเหมือนเลี้ยงคน เลี้ยงสะอาดแค่ไหน มันก็ไม่สามารถล้างสารก่อภูมิแพ้ที่คนอื่นแพ้ออกไปได้ครับ อยากให้นึกถึงคนอื่นเยอะๆ ครับ.

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Jeeraphan Meesri